Category: ข่าววันนี้

“Prod. by NINO” เส้นทางชีวิตจากก้นเหวสู่ “โปรดิวเซอร์พันล้านวิว”

Highlight NINO เป็นโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเพลงดังมากมาย ทั้งเพลง “ทน” ที่ดังไกลถึงชาร์ตบิลบอร์ต และ เพลง “พักก่อน” ของแร็ปเปอร์สาว MILLI
แม้จะประสบผลสำเร็จอย่างมากในฐานะโปรดิวเซอร์ แต่ว่าก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เหมือนทางตันของชีวิต แล้วก็ ในวันที่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ ทางเดียวที่จะไปต่อได้ คือ การยืนหยัดด้วยตัวเอง
สิ่งสำคัญสำหรับเพื่อการทำเพลงให้ประสบความสำเร็จเป็นเนื้อหาที่จะนำเสนอ ที่จะส่งออกไปให้คนเข้าใจ และก็ ฟังแล้วติดหู
ทุกความสำเร็จที่ได้รับ ไม่เคยมีความรู้สึกว่า ตนเองมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพเลย เขา คิดเพียงแค่ว่า วันนี้ สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้แล้วเท่านั้น

ถ้าเกิดถามว่า รู้จัก “NINO – เกริก ชาญกว้าง” ไหม หลายๆคน คงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหนักว่า ผู้ชายคนนี้ คือใคร แล้วจะไปรู้จักเขาได้ยังไง

แต่ว่าถ้าถามว่า รู้จักเพลง “ทน” เพลงไทยที่ดังไกลถึงชาร์ตบิลบอร์ด และ เพลง “พักก่อน” เพลงแร็ปสุดเฟี้ยวของแร็ปเปอร์สาว MILLI บ้างไหม มั่นใจว่า ทุกคน อาจพยักหน้า และก็ น่าจะเคยได้ฟังเพลงเหล่านี้ผ่านหูมาบ้าง เพลงดังกลุ่มนี้ ถูกสร้างสรรค์โดยในฐานะโปรดิวเซอร์

และก็อีกหลายร้อยเพลง รวมทั้ง ส่วนหนึ่งของผลงานมากมายของเขา ยังกลายเป็นเพลงไวรัลในโลกออนไลน์ จนทำให้ได้รับฉายาว่า “โปรดิวเซอร์พันล้านวิว” แต่ทว่าบนเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้น จะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย แต่ในขณะที่แสนท้าทาย และ ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ วิธีเดียวที่จะผ่านมันไปได้ คือ “ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง”

NINO เส้นทางชีวิต

สู้โชคชะตาด้วยสองมือของตัวเอง

“ครอบครัวผม ก็มีฐานะปานกลาง พอมีพอกิน แล้วภายหลังได้ไปเรียนที่แคนาดา ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน จนถึงขั้นที่ครอบครัว 4 คน จำเป็นต้องอยู่ในรถคันเดียว รถยนต์ที่อยู่ก็ไม่ใช่รถยนต์ของตนเอง แต่เป็นรถของตาที่เรายืมมา และก็มาอยู่ในห้องเล็กๆ มีห้องน้ำห้องเดียว” โปรดิวเซอร์ เล่าย้อนไป

จากเด็กหนุ่มผู้ได้ทุนไปเรียนสาขาภาพยนตร์ ไกลถึงประเทศแคนาดา แต่ว่าโชคชะตาก็ทำให้ต้องเจอหน้ากับ “ปัญหา” ที่ใหญ่กว่าตัวเองจะปรับปรุงแก้ไขได้ เขา เล่าว่า เหมือนอนาคตที่เคยฝันไว้พังทลายลงมา แล้วก็ เขาเองก็นึกไม่ออกว่า จำเป็นต้องเดินไปทางไหน คล้ายกับว่า ทุกๆอย่างเป็นทางตัน

แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย แต่ว่า “ในวันที่เราอยู่ก้นเหว เรา มีทางเดียวที่จะไปต่อได้ คือ เรา ต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง”

“ผมเป็นนักสู้ ผมก็ต้องหาทางที่จะเอาชีวิตรอด แรงบันดาลใจสำคัญๆเลยก็เป็นครอบครัว คนที่อยู่ในครอบครัวเรานี่แหละ ที่เป็นแรงผลักดันให้เรามีกำลังใจสำหรับการดำรงชีวิตต่อไป คือผมเป็นคนใฝ่ฝันสูง ต้องการมีอะไรเป็นของตัวเอง แล้วถ้าหากพวกเราไม่ทำ มันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

แต่ว่าถ้าเราจะไปถึงที่ตรงนั้น เรา ต้องมีทีมเวิร์กที่ดี ถ้าหากไม่มีทีมเวิร์กที่ดี กำลังใจก็ไม่มี มันก็บางครั้งก็อาจจะโดดเดี่ยว” โปรดิวเซอร์ กล่าว

NINOโปรดิวเซอร์

จุดเริ่มต้นอาชีพ “โปรดิวเซอร์” ของ NINO

“พอเราเจอทางตัน พวกเรา ก็พยายามจะหาทางออกว่า สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคืออะไร ตอนนั้น มันก็มีนักบอล นักมวย เกมเมอร์ แล้วก็ดนตรี ซึ่งผมว่า ผมเก่งดนตรีมากที่สุด” โปรดิวเซอร์ บอก

เมื่อค้นพบว่า ดนตรี เป็นสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด บวกกับเสียงชื่นชมจากคนรอบข้าง ที่คอยส่งเสริม รวมทั้งให้กำลังใจ

จึงทำให้เริ่มสนใจอาชีพ “โปรดิวเซอร์” ซึ่งเป็นอาชีพที่ยังไม่ค่อยมีคนทำมากนัก ในเวลานั้น และ เรียนรู้การกดบีทจาก YouTube

“โปรดิวเซอร์ ก็คือ คนที่มองดูภาพรวมของเพลง คล้ายๆกับผู้กำกับ เป็นคนที่ดูตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเพลง เป็นคนควบคุมโปรเจ็กต์ และจากนั้นก็ช่วยทำให้ศิลปินตัดสินใจได้ดีขึ้น คือเป็นเหมือนผู้ช่วยศิลปินอีกที” โปรดิวเซอร์ ชี้แจง

ความสำเร็จของโปรดิวเซอร์ NINO

หลังจากหันมาเอาดีทางด้านดนตรี ชื่อของ NINO ก็เริ่มมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น จนได้รับฉายา “โปรดิวเซอร์พันล้านวิว” จากผลงานเพลงที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นร่วมกับศิลปินมากมาย ทั้งเพลง “พักก่อน” ของ MILLI, เพลง “เป็นไรไหม” ของ LAZYLOXY x OG-ANIC, เพลง “Mirror Mirror” ของ F.HERO MILLI

รวมทั้ง ชางมิน จากวง Stray Kids วงไอดอลมีชื่อเสียงจากประเทศเกาหลีใต้ หรือ เพลง “4EVER” จาก 4EVE เกิร์ลกรุ๊ปของไทย นอกจากนั้น ยังมีเพลงอื่นๆ อีกมากมาย ที่เป็นผลงานของ NINO ดูได้จากคำว่า “Prod. by NINO” ที่กลายเป็นคำการันตีคุณภาพของงานเพลง

“แรกๆที่เริ่มมีคนรู้จักผมมากขึ้น บน BTS หรือ นั่งวินมอเตอร์ไซค์ แล้วหลังจากนั้นก็มีพี่วินอีกคน หรือ แกร็บ บอกว่า “นี่ NINO หรือเปล่า” กลางสี่แยกเลย ก็ตลกดี พี่รู้จักผมด้วยเหรอ ก็เริ่มมีคนมาขอถ่ายรูป

แล้วก็ดีใจที่มีคนรู้จักอาชีพโปรดิวเซอร์ของเราด้วย ด้วยเหตุว่า น้อยคนที่จะทำอาชีพนี้ แล้วส่วนมากก็จะรู้จักแต่เบื้องหน้า” โปรดิวเซอร์ กล่าว

เมื่อถามถึงเคล็ดลับวิธีการทำเพลงให้ประสบความสำเร็จ เขา พูดว่า ไม่มีเคล็ดลับ แต่สิ่งสำคัญเป็นเนื้อหาที่จะเสนอ ที่จะส่งออกไปให้คนเข้าใจ รวมทั้ง ฟังแล้วติดหู

“เราจริงใจกับสิ่งที่เราจะเสนอออกไปมากน้อยแค่ไหน ที่เหลือก็เป็นคาแรกเตอร์ ผมว่า ความเป็นธรรมชาติ คือ คนเรามีเซ้นส์ที่จะเดาออกได้ว่า นี่ไม่ธรรมชาติ แต่ว่าอันนี้รู้สึกธรรมชาติว่ะ บางคน คิดว่า พวกผมทำเพลงทน มานั่งแกะนั่งหั่นเพลงทนว่า ทำอย่างไรถึงจะได้รับความนิยม

แต่ว่าความจริง คือ ทำไม่ถึงชั่วโมง พวกเรา ยังไม่รู้เลยว่า มันดังได้อย่างไร ผมว่า อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ คือ เรา สื่อสารอย่างไร แล้วผู้ฟังเขาเข้าใจกับเรามากน้อยแค่ไหน” โปรดิวเซอร์ ชี้

ก้าวสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม

แม้ว่าจะประสบผลสำเร็จ ในฐานะโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังหลายร้อยเพลง แต่ว่าก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่า ตัวเองมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพเลย เขา คิดเพียงแค่ว่า วันนี้เขาสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้แล้วเท่านั้น รวมทั้ง ตั้งใจที่จะมอบโอกาสกับคนรุ่นใหม่ ที่อยากเข้ามาโลดแล่นในแวดวงเพลง

นั่นก็เลยเป็นอีกเหตุผลที่ NINO ในฐานะเจ้าของค่ายเพลง HYPE TRAIN GROUP ตัดสินใจร่วมมือกับ Universal Music Thailand โดยมีเป้าหมายที่จะปั้นศิลปิน แล้วก็ คนเบื้องหลัง เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีคุณภาพ ออกสู่ผู้ฟังเพลงทั่วโลก

“เปรียบเทียบเราเป็นเหมือนทีมบอลเล็กๆ ในวันหนึ่ง พวกเรา ต้องการจะมีคนมาส่งเสริมให้เราได้เดินทางออกไปสู่โลกกว้างได้มากขึ้น อย่างยุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีอะไรมากั้น ไม่มีกำแพงแล้ว พวกเรา ได้เห็นแฟนคลับ ได้มองเห็นหลายวงไปเล่นต่างประเทศ

พวกเรา ได้มองเห็นฐานแฟนจากต่างประเทศที่ฟังเพลงของพวกเรา ผมว่า อีกไม่นาน พวกเรา จะมีแฟนเพลงใหม่ๆมากยิ่งขึ้น มีคอมมูนิตี้ใหม่มากมาย เพื่อมาสนับสนุนศิลปินของพวกเรา การร่วมมือกันในครั้งก็เลยทำให้ผมดีใจมาก” โปรดิวเซอร์ เล่า

“ผมอยากทดลองอะไรไปเรื่อยๆ เหตุผลนี้แหละที่ทำให้ผมเปิดค่ายเพลงเพิ่ม แล้วในอนาคต ก็บางทีอาจจะเปิดค่ายเพิ่มเติม เพื่อทดลองอะไรใหม่ๆ ทดลองหลายๆแนว หาศิลปินแนวใหม่ ให้คนไทยได้ฟัง ผมว่า อันนี้ก็เป็นพื้นที่ของผมอยู่แล้ว” โปรดิวเซอร์ กล่าวปิดท้าย

ตร. เล็งสอบต่อ ‘สกาย’ หลัง ‘ชูวิทย์’ แถลงปมโดนรีด 2.7 หมื่นแลกปล่อยตัว

ชูวิทย์ และ สกาย ตำรวจเตรียมตัวสอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ ปมจ่าย 2.7 หมื่น ตำรวจแลกปล่อยตัว ที่โรงแรมเดอะเดวิส ในช่วง 15.00 น. วันนี้ ก่อนนำข้อมูลลงสำนวน จัดเตรียมฟ้องร้องคดีจำนวน 7 นาย

จากกรณีช่วงเย็นวานนี้ (31 ม.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโพสต์รูปภาพคู่กับนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ หรือนายสกาย เพื่อนชายของเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวัน ที่ออกมายอมรับก่อนหน้าที่ผ่านมาว่า เป็นคนจ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจ สถานีตำรวจห้วยขวาง ขณะตั้งด่านตรวจหน้าสถานทูต จีนช่วงกลางดึก ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นั้น

คืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เดินทางเข้าประชุมกับชุดพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน ติดตามประเด็น ดาราสาวชาวไต้หวัน ถูกตำรวจห้วยขวางไถเงิน โดย พล.ต.ต.อัฎธพร เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า ตำรวจเตรียมสอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ ที่โรงแรมเดอะเดวิส ในช่วง 15.00 น. วันนี้ ก่อนนำข้อมูลลงสำนวน เตรียมฟ้องจำนวน 7 นาย โดยนายชูวิทย์ ตระเตรียมนำนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ ออกมาแถลงข่าวในเวลา 14.00 น. ของวันนี้

นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์

ล่าสุดมีแถลงการณ์ว่า นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ติดต่อผ่าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าพบเพื่อถามไถ่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเวลา 15.00 น. โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 เพราะเหตุว่าไม่สะดวกเดินทางไปพบพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งต้องการให้นายชูวิทย์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการให้ถ้อยคำและก็ให้ข้อมูลดังกล่าว ส่วนภายหลังการสอบปากคำแล้ว จะนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการดำเนินคดีกับตำรวจได้หรือไม่นั้น ขึ้นกับการให้การของนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ ในวันนี้

ขณะที่ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยก่อนประชุมกับทีมพนักงานที่ทำหน้าที่ในการสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีตำรวจรีดไถเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ว่า หลังได้ข้อมูลจากนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ในช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานที่ทำหน้าที่ในการสอบสวนจะนำข้อมูลมาประกอบสำนวน เพื่อพิจารณาดำเนินคดีอาญามาตร 149 กับตำรวจอีกทั้ง 7 นาย จากเดิมที่ตั้งข้อหามาตรา 157 กับตำรวจเพียงแค่ 2 นาย ประกอบด้วยตำรวจชั้นประทวน 1 นาย และตำรวจชั้นสัญญาบัตรอีก 1 นาย ส่วนที่เหลืออีก 5 นาย อยู่ระหว่างการสอบปากคำ กระทั่งช่วงเย็นวานนี้ มีการพิจารณาเพิ่มพบว่าตำรวจทั้ง 5 นาย ที่ปรากฏอยู่ในคลิป มีข้อพิรุธสงสัยอาจมีส่วนรู้เห็นด้วย ก็เลยจะดำเนินการเอาผิดด้วยทั้งหมด แต่รอผลการสอบสวนนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ในช่วงบ่ายวันนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามในส่วนการดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ ในฐานะผู้ให้สินบนนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เพราะการจะฟ้องร้องคดีในข้อหานี้ได้ นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ต้องอยู่ในฐานะผู้เสนอติดสินบนเจ้าพนักงาน ไม่ได้ถูกขู่บังคับ ด้วยเหตุผลดังกล่าวการสอบปากคำนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ในบ่ายวันนี้จึงสำคัญมากรวมทั้งเป็นการสอบปากคำในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ โดยทีมสอบสวนได้จัดแจงรูปถ่ายตำรวจชุดตั้งด่านในวันเกิดเหตุทั้ง 14 นาย ให้ผู้เสียหายชี้ใน 3 ประเด็นสำคัญๆคือ จ่ายเงินให้กับใคร/ใน 14 คนนี้ มีใครบังคับข่มขู่เข็ญเรียกเงิน รวมทั้งมีใครมีส่วนรู้เห็นจาการรีดรับเงินในครั้งนี้บ้าง

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวตำรวจจะเดินทางไปสอบปากคำเน็ตไอดอลสาวที่ประเทศไต้หวันนั้น การจะเดินทางไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการสอบปากคำชาวสิงคโปร์ในช่วงบ่ายถ้าหากพบว่า ผู้เสียหายชาวประเทศสิงคโปร์เป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาท เพียงแค่คนเดียว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องที่ต้องไปสอบสวนเน็ตไอดอลสาว ด้วยเหตุว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียที่หายที่ตามที่เป็นจริง คือนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ แต่ถ้าเกิดผลการสอบสวนพบว่าเน็ตไอดอลสาว ร่วมจ่ายเงินด้วยหากแม้เพียงแค่บาทเดียว ตำรวจก็จำเป็นต้องเดินทางไปสอบคำให้การเน็ตไอดอลสาวไต้หวันด้วย ในฐานะผู้เสียหายร่วม

นอกจากนี้ นักข่าวพยายามถามกรณีการโยกย้าย พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจห้วยขวาง ไปเป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจหนองจอก ใช่บทลงโทษจากกรณีนี้หรือไม่ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เจาะจงเพียงสั้นๆว่า ตนไม่รู้ ทุกอย่างเป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา

ชูวิทย์

‘ชูวิทย์’ เปิดพยานชาวประเทศสิงคโปร์ ย้ำ ตร.ไถเงินจริง เผยพูดไทยด้วยโดนสวนกลับ “อย่ากวนตีน”

‘ชูวิทย์’ เปิดตัว ‘สกาย’ พยานชาวสิงคโปร์ รับถูกตร.รีดไถเงินจริง แจงราคาค่าเสียหายบุหรี่ไฟฟ้าอันละ 8,000 ไม่นำพาสปอร์ตเล่มละ 1,000 เปิดเผยบอกไทยด้วยแต่โดนสวนกลับ “อย่ากวนตีน” ยันไม่เมา-จำหน้าได้ทุกคน
เวลา 14.00 น. วันที่ 1 ก.พ. 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย จัดแถลงข่าวสารกรณีของ อันหยูชิง หรือ Charlene An ดาราสาวไต้หวันกับกลุ่มเพื่อนที่บอกว่าถูกตำรวจตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท โดยก่อนแถลงชูวิทย์ได้ตีปี๊บ และบอกว่าจะนำปี๊บดังกล่าวไปฝากให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคลุมศรีษะไว้ เพื่อหลบซ่อนจากข้อความจริงที่จะเปิดเปิดเผย

ชูวิทย์ กล่าวว่า การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่มีการทำเป็นขบวนการ จัดสรรแบ่งส่วนให้กับผู้ที่ปฏิบัติงาน การตั้งด่านนี้ทำลายภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ที่มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาอีกรอบหลังสถานการณ์โควิด 19 เนื่องจากแทนที่นักท่องเที่ยวจะกลัวขโมย กลับต้องมากลัวตำรวจที่ควรดูแลความปลอดภัยของพวกเขา

“หากถึงวันนี้ตำรวจต้องการจะคืนเงิน 27,000 บาทให้กลุ่มผู้เสียหายตนก็มั่นใจว่าเขาจะไม่รับแล้ว เพราะทั้งหมดไม่ได้รับความยุติธรรม อีกทั้งที่ผ่านมายังถูกเจ้าหน้าที่ให้ร้ายมาตลอด ถ้าเกิดเปรียบเทียบตำรวจไม่ดีเป็นนิ้วร้ายที่ต้องเอาออก เชื่อว่าวันนี้ไม่มีนิ้วเหลือให้ตัดแล้ว” ชูวิทย์ ระบุ

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

จากนั้น เวลา 14.20 น. ชูวิทย์ ได้เชิญ สกาย ชาวประเทศสิงคโปร์ เพื่อนของอันหยูชิง มาร่วมแถลงข่าวสาร

โดย สกาย กล่าวว่า หากไม่ไว้ใจ ชูวิทย์ ก็คงไม่เดินทางมา วันที่เกิดเรื่องตนกับกลุ่มเพื่อนและก็อันหยูชิง ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนอีกกลุ่ม หลังจากนั้น ระหว่างเดินทางกลับโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่บริเวณถนนหนทางรัชดาภิเษก เจอตำรวจตั้งด่านใช้ไฟฉายส่องเข้ามาในรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่าน บอกให้จอดรถเข้าข้างทางและให้ทุกคนลงจากรถ ก่อนเข้ามาจับตามตัว ค้นกระเป๋า ขอให้นำพาสปอร์ตออกมาแสดง และก็ให้ถอดรองเท้าด้วย ดังนี้ ในวันดังกล่าวตนไม่ได้นำพาสปอร์ตออกมาจากที่พัก

สกาย กล่าวต่อว่าต่อขาน จากตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน พร้อมถามต่อว่ามาจากประเทศไหน โดยในตอนนั้น ทางกลุ่มเองเริ่มสงสัยแล้วว่า เพราะอะไรตำรวจทำราวกับเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งสั่งห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามติดต่อใคร หรือถ่ายรูป ซึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝั่งตนมีเพียงตนเองที่สื่อสารภาษาไทยได้

นอกเหนือจากนั้น สกาย อ้างด้วยว่า ระหว่างที่ตนถามถึงสาเหตุของการตรวจหา ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า “อย่ากวนตีน” ซึ่งมั่นใจว่าตนแล้วก็เพื่อนไม่ได้ทำผิดกฎหมายแน่นอน เนื่องจากว่าตามปกติแล้ว การเดินทางเข้าประเทศไทย คนประเทศสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องต้องมีวีซ่ายกเว้นกรณีที่อยู่อาศัยเกินกว่า 30 วันขึ้นไป ซึ่งตนเดินทางมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2565 เพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่และก็อยู่ต่อเนื่องมาจนกระทั่งวันที่ 5 ม.ค. 2566 ที่เป็นวันกำหนดเดินทางกลับ

ในส่วนของพาสปอร์ตที่เจ้าหน้าที่พยายามเรียกดู ตนได้ตอบไปว่าเอกสารต่างๆอยู่ที่ที่พัก และมีรูปแสกกลางนเก็บเอาไว้ภายในโทรศัพท์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังรวมทั้งพยายามโต้เถียงว่าต้องแสดงเอกสารทันที ห้ามไปไหน รวมทั้งพยายามแจ้งว่าการที่พกพาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิด

สกาย ก็เลยชี้แจงถัดไปว่า บุหรี่ไฟฟ้าซื้อมาจากร้านค้าที่วางขายย่านตลาดห้วยขวาง รวมทั้งไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย เพราะเหตุว่ามองเห็นวางขาย โดยปกติ รวมทั้ง การมาประเทศไทยคราวนี้ เพราะต้องการออกมาบอกความจริงทั้งหมด ไม่รู้สึกกังวลในการให้ข้อมูลกับตำรวจ

เมื่ออธิบายเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเสร็จ เจ้าหน้าที่เริ่มมีท่าทีโกรธ พูดว่าทั้งหมดต้องไปสถานีตำรวจแล้วก็ต้องอยู่ที่กรงขังในสถานีตำรวจอย่างน้อยอีก 2 วัน เมื่อพูดจาอยู่ระยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่อีกรายที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจก็เข้ามาขยายความให้ตนเองฟังว่า “บุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน อันละ 8,000 บาท ส่วนที่ไม่เจอหนังสือเดินทาง 3 คน อีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาท”

โดย สกาย เปิดเปิดเผยว่า ขณะนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 30,000 บาท เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย ตำรวจก็เรียกแท็กซี่ให้และให้บอกแท็กซี่ว่าจะไปไหนต่อ ยืนยันว่า ตำรวจกลุ่มดังกล่าวแสดงท่าทีและพูดจาในลักษณะคาดคั้นให้จ่ายเงิน และตนเองไม่ได้เสนอให้

ดังนี้ ตำรวจที่เข้ามากล่าวคุยเรื่องเงินมี 3 นาย โดยนายแรก เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ สวมแจ็คเกต มีหนวดเครา ทำหน้าที่ในการเรียกรวมทั้งรับเงินจาก สกาย และก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ส่วนตำรวจนายที่ 2 รูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะล้าน ทำหน้าที่บังกล้องวงจรปิด ส่วนตำรวจนายที่ 3 เป็นคนรูปร่างซูบผอม ใส่ผ้าคลุมหน้าเข้ามาร่วมรับฟังการบอกคุยด้วย

“ส่วนตัวมีความคิดว่าเจ้าหน้าที่ต้องมีเหตุผล หากอยากจับก็จะต้องมีเหตุผล ถ้าสงสัยอะไรก็ต้องพูดคุย แต่สิ่งที่เกิดตำรวจไม่มีเหตุผลอะไรและกล่าวว่าต้องไปสถานีตำรวจอย่างเดียว” สกาย กำหนด

ขณะเดียวกัน ชูวิทย์ ได้จัดทำแฟ้มรายชื่อพร้อมรูปภาพของตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ห้วยขวาง มาจำนวนหนึ่ง และก็เปิดให้ สกาย ดูก่อนถามว่า จดจำใครได้บ้าง ซึ่ง สกาย ก้มศีรษะตอบรับ พร้อมยืนยันว่าจำได้ทุกคน

 

ในตอนท้ายชูวิทย์ กล่าวว่า ในนามของคนไทยต้องขอโทษถึงการกระทำของตำรวจ พร้อมเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลาออกด้วย

อย่างไรก็ดี เวลาประมาณ 15.30 น. สกาย ลุกออกจากบริเวณแถลงข่าวสาร พร้อมกับที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เดินทางมาร่วมพินิจการณ์การสอบปากคำพยานคนสำคัญใน โดยได้ให้คณะกรรมการและก็ทีมพนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวน 4-5 นาย ร่วมสอบปากคำพยานอย่างละเอียดและครอบคลุมทุกประเด็นถัดไป

ดราม่าชุดไหว้ ศาลพระพรหม หลักหมื่น คนจีนจ่ายแพงจริงไหม แม่ค้าแจงเองมีอะไรบ้าง

ดราม่าชุดไหว้ กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้โพสต์คลิปเหตุการณ์ ตอนที่ “นักท่องเที่ยวคนจีน” กำลังซื้อดอกไม้และชุดบูชาไหว้ “ศาลพระพรหม” แยกราชประสงค์ ราคากว่า 10,000 บาท กระทั่งส่งผลให้เกิดกระแสวิจารณ์ถึงราคาดังกล่าว ว่าขายแพงเกินไปไหม พร้อมถามว่าเป็นการเอาเปรียบ นักท่องเที่ยวหรือไม่

จากเรื่องราวดังกล่าว แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชาที่ปรากฏในคลิป เล่าว่า เมื่อตอนวันตรุษจีนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนราวๆ 10 คน มาถามราคาดอกไม้และชุดบูชา โดยมีไกด์ชาวไทยช่วยแนะนำ ซึ่งแม่ค้าก็ได้ชี้แจงว่า มีดอกไม้แล้วก็ชุดบูชาจัดเป็นชุดหลากหลายราคาให้เลือก ซึ่งนักเดินทางกรุ๊ปดังกล่าว ก็ตกลงซื้อชุดบูชา ราคา 1,200 บาท จำนวน 2 ชุด, ชุดบูชา ราคา 900 บาท จำนวน 2 ชุด แล้วก็ชุดบูชา ราคา 600 บาท 2 ชุด

นอกเหนือจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยว 4 คนในจำนวนนั้น ต้องการปล่อยนกเขา ก็เลยซื้อนกเขาจากร้านค้าข้างๆคนละ 4 ตัว ราคาตัวละ 500 บาท รวมเงินที่นักเดินทางกลุ่มนี้จ่ายค่าดอกไม้, เครื่องบูชา รวมทั้งนกเขาให้กับแม่ค้า เป็นเงินทั้งหมด 13,400 บาท

ดราม่าชุดไหว้ศาลพระพรหม
สำหรับในวันที่เกิดเหตุนั้น ดราม่าชุดไหว้ ระหว่างที่มีการสนทนาซื้อขายดอกไม้และเครื่องบูชาอยู่

ก็มีชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่กรุ๊ปนักท่องเที่ยวดังกล่าว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป เมื่อสอบถามว่าถ่ายไปทำไม ชายคนดังกล่าวก็มิได้ตอบอะไร กระทั่งมาทราบอีกทีว่า คลิปดังกล่าว ได้ถูกโพสต์ลงในโลกโซเชียล จนกระทั่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดว่า แม่ค้าเอาเปรียบนักเดินทาง ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ที่สำคัญคือทำให้ชื่อเสียงของเมืองไทย ได้รับผลพวงไปด้วย

“ยืนยันว่าตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ขายมา ไม่เคยเอาเปรียบนักเดินทาง มีการแจ้งราคาให้ดูแคตตาล็อกดอกไม้และชุดบูชา ให้กับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง เพื่อประกอบการตัดสินใจ” แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชา กล่าว

ทางด้านไกด์นำเที่ยวรายหนึ่ง เผยถึงสถานะการณ์ดังกล่าวว่า หากวันไหนที่คนน้อย หรือวันนั้นมีดอกไม้ที่ดูสดเข้ามา ราคาจะขยับแพงขึ้นอีก และก็ถ้านักท่องเที่ยวบางคนเดินทางมาไหว้เอง มิได้ผ่านกรุ๊ปทัวร์ ราคาที่คิดออกมาก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

ในช่วงเวลาที่ พลตำรวจตรี อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการกำชับผู้ค้าอย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ต้องชี้แจงราคาดอกไม้และเครื่องบูชา กับนักท่องเที่ยวทุกหน ไม่อย่างนั้นจะจัดการตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังที่กำชับไปก็ยังไม่ได้ มีการรับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งราคาดอกไม้และเครื่องบูชา ของร้านค้าที่อยู่รอบๆ นอกศาลจะมีราคาสูงยิ่งกว่า ร้านค้าจำหน่ายในศาล ซึ่งคือเรื่องธรรดาอยู่แล้ว

อย่างไรก็แล้วแต่ ประเด็นดังกล่าว ยังเป็นที่แย้งกันต่อในโลกออนไลน์ โดยบางส่วนเปิดเผยว่า เคยไปไหว้เหมือนกันแต่ราคาไม่ถึงหลักหมื่น ตอนที่บางส่วนบอก หลักหมื่นก็มีเหมือนกัน ซึ่งราคาของแต่ละร้าน ก็จะไม่เท่ากัน แต่โดยมากที่เห็นไปทางเดียวกันคือ ทุกร้านควรจะขึ้นป้ายราคา บอกให้ชัดเจน เพื่อความชัวร์ที่สุด

ชุดไหว้ศาลพระพรหม

แม่ค้า โต้ปม ดราม่าชุดไหว้ ชุดไหว้ศาลพระพรหม หลักหมื่น แจงวันที่เกิดเหตุ ทำไม่สบายใจ

แม่ค้า โต้ปม ราคาดอกไม้ หลักหมื่น หลังคลิปแชร์ว่อน นักท่องเที่ยวจีน เจอฟาดราคามหาโหด ชุดไหว้ ศาลพระพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ แจงวันที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 มกราคม 2566 ที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้คุยกับแม่ค้า ที่ขายดอกไม้ด้านหน้าทางเข้า พระพรหมเอราวัณ ภายหลังมีคลิปว่อนโลกโซเชียลมีเดียว่า นักท่องเที่ยวจีน มาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ เจอแม่ค้าไทยคิดราคาดอกไม้ สำหรับสักการะบูชาพระพรหมหลักหมื่น ก็เลยเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

แม่ค้ารายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเห็นคลิปดังกล่าว แล้วรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากเป็นคลิปที่เห็น เพียงแค่แง่มุมเดียว ตนจำเรื่องราวที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มาไหว้บูชาพระพรหมได้ เกิดขึ้นในช่วงตรุษจีน เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไหว้ 7-8 คน มีไกด์รอพาเที่ยวและดูแลความสะดวกด้วย

แม่ค้า กล่าวต่อว่า ลักษณะของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มิได้มาไหว้สักการะบูชาพระพรหมธรรมดา แต่ว่ามาแก้บนด้วย จึงได้บูชาหลายอย่าง ทั้งดอกไม้ ธูปเทียน หมากพูล ตุ๊กตานางกวัก ช้าง และปล่อยนก ซึ่งราคาของสำหรับไหว้บูชาพระพรหม มีหลายราคาแล้วแต่ลูกค้าจะตัดสินใจ

ถามว่า เครื่องสักการะพระพรหมมีราคาถึงหลักหมื่นหรือเปล่า

แม่ค้าให้ข้อมูลว่า “มีถึงหลักหมื่น” ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าพึงพอใจที่จะจ่าย ตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวชาวจีนบางกลุ่ม อยากจะซื้อรูปปั้นช้างมากราบไหว้ บางตัวราคาหลักหมื่น หลักแสน แล้วแต่แบบ แล้วแต่ขนาด ซึ่งลูกค้าก็อยากจะได้ตัวใหญ่ ราคาก็จะสูงมากขึ้น ซึ่งพวกเขาก็จะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว

แม่ค้า กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจที่มีชาวเน็ต แสดงความเห็นว่าแม่ค้าไทยเอาเปรียบนักเดินทาง การันตีว่า คลิปที่เผยแพร่ออกไป ทำให้แม่ค้าที่ขายของอยู่รอบๆดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อน เพราะเหตุว่ามันไม่เป็นความจริงเลย

มีรายงานว่า จุดที่ขายดอกไม้จะมีด้านนอกรอบๆทางเท้า และก็ข้างในรอบๆทางเข้าศาล ซึ่งทั้ง 2 จุด มีความต่างกันเรื่องการติดป้ายาคา ข้างในศาลจะมีการติดป้ายราคาอย่างชัดเจน โดยดอกไม้เริ่มตั้งแต่ 50 บาท ไปจนชุดละ 300 บาท

ด้าน นายกิตติภพ พงศ์พัทธ์พุทธิมา ไกด์ ที่พานักท่องเที่ยวชาวจีน มากราบไหว้สักการะบูชาพระพรหม บอกว่า ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยเจอเรื่องลูกทัวร์ถูกหลอก ซื้อดอกไม้ไหว้พระพรหมหลักหมื่นบาท

แต่ว่าบางคนก็ชอบจัดชุดใหญ่ หรือชอบมาแก้บน ก็จะจ่ายหนัก เพื่อแก้บนและไหว้ขอพรก็มี ซึ่งก็เป็นความพอใจของนักเดินทาง แต่ว่าในฐานะที่เป็นไกด์ ก็จะแนะนำให้นักเดินทางไปซื้อในศาล จะดีที่สุด เพราะว่ามีราคาป้ายแปะบอกไว้ชัดเจน

‘จตุพร’ ย้อนแสบ ‘ทักษิณ’ ท่านก็หมา ถ้านับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาก็เป็น ‘จ่าฝูง’

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน รวมทั้งอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต้านทานเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เชื่อมั่น…ประชาชน” โดยนายจตุพร กล่าวว่า ตนกับ ทักษิณ รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2527 เมื่อครั้งทักษิณ เป็นหัวหน้าพลังธรรมวันแรก จากนั้นร่วมเดินสายการเมืองด้วยกันมา 30 ปี ถ้าเกิดตนคิดเอาแต่ตัวเองแล้วก็เอาประโยชน์ส่วนตน แล้วจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย ถึงแม้ทักษิณกล่าวสาธารณะ จะให้เป็น รมต. แต่ไม่ได้ ตนก็ยังอยู่และไม่คิดถึงกรณีนี้

เหนืออื่นใดแล้ว การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมามีความตายมากมาย ตำแหน่ง รมต. เป็นหัวโขนเล็กมาก เมื่อเทียบกับความตายของประชาชน กระทั่งถึง พรรคเพื่อไทยจะออก พรบ.สุดซอย ตนรับได้ยากมาก เพราะเหตุว่าต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่กำลังติดคุก แต่รัฐบาลไม่ยอมออกพระราชกำหนด (พรก.) กลับมาออกเป็น พรบ. แทน แล้วไปแปลงสาร ขยับเพิ่มให้นิรโทษกรรมแกนนำและก็พ่วงคดีทุจริตเพื่อให้เป็นประโยชน์กับทักษิณได้กลับบ้าน

สิ่งสำคัญ ตนทักทวงว่า หากนิรโทษฯ นอกเหนือประชาชนแล้ว มันจะล้มครืนลง แล้วประชาชนจะติดคุก รวมทั้งจะไม่มีโอกาสอีกเลย เขาก็ไม่ฟัง แล้วไปกล่าวที่ประเทศนอร์เวย์ว่า ตนไม่ต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน ทั้งที่ในวงพูดคุยยุทธศาสตร์ของพรรคมีรองนายกฯ และก็ รมต. แล้วก็ พี่เปียเห็นด้วยกับตนว่า อย่าเอาเรื่องคนอื่นเว้นแต่ประชาชนมา หากเอาทักษิณกลับบ้านต้องทำวาระอื่น แต่วาระนี้ต้องตอบแทน ประชาชน ส่วนที่ตายและบาดเจ็บเอาชีวิตรวมทั้งร่างกายกลับคืนมาไม่ได้ แต่คนกำลังสูญเสียเสรีภาพ นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น แล้วท่านก็โกรธ

“ผมอยากถามทักษิณว่า ตอนทำเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย มีใครไปพบท่านแล้วอยู่กับท่าน ในวงการเขานินทากัน มีเครื่องบินปลิวกันเป็นลำ แต่ทั้งหมดเมื่อไปไม่ได้ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากล่าวที่หลังว่า เมื่อไปไม่ได้ก็คิดว่าจะกลับมาได้ วันนั้นผมจิตใจสลาย เนื่องจากว่า จะไม่มีเหตุการณ์ชุมชนของประชาชนเต็มถนนหนทางเลยหากเอาเฉพาะประชาชน แต่ไม่เพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว”

ท่านทักษิณ

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ ทักษิณ พูดว่า ช่วง 16 ปีท่านก็ถูกเห่า

นับตนเป็นตัว แล้วก็ตั้งฉายาให้ ตัวเองว่า ถูกเห่า ท่านบอกว่าไม่ต้องมาฟังตน ให้ใช้น้ำยาล้างหูไป ก็พยายามเลี่ยง แล้วก็ใช้ถ้อยคำว่า ถูกเห่ามา 16 ปี 2-3 ตัวและ บางตอนก็ 4-5 ตัว มีการนับเป็นตัว เขาบอกภาษาไทย ไม่แข็งแรง แล้วหัวเราะกันสนุกสนาน

“ผมกับนายกฯทักษิณ ปราศรัยเวทีเดียวกัน มาในช่วงอยู่ประเทศไทย และผ่านวีดีโอลิงค์ ต่างกรรมต่างวาระกัน มายาวนานที่สุด ถ้าการบอกของผมเป็นการเห่า บนเวทีนี้ท่านก็ร่วมเห่ากับผมด้วย ถ้าผมหมา ท่านก็หมา ท่านอาจเป็น จ่าฝูง ถ้านับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาด้วยกัน”

นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าหลักคิด ของทักษิณมองดูผู้ร่วมต่อสู้ด้วยกันเป็นหมา เป็นตัว แล้วหลีกเลี่ยง การตอบความจริง โดยเหตุนี้ท่านต้องคิดช้า ๆ ว่า สิ่งที่ท่านดำเนินการทั้งหมดไปนั้น หากตรงไปตรงมา กับประชาชน รวมทั้งไม่พูดถึงตนในทางเป็นเท็จแล้วก็เกิดความเสียหายในช่วงนี้ แล้วตนจะมาพูดเรื่องนี้ในช่วงนี้เพราะอะไร

นอกจากนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าตนคิดถึงผลประโยชน์แล้วจะอยู่กับท่านได้อย่างไร เพราะเหตุว่า ท่านหักหลังตนตลอดเวลา โกหกซ้ำจากจำเจ พูดเท็จแล้วโป้ปดมดเท็จใหม่ซ้ำกันไปซ้ำกัน อย่างไรก็ตาม ตนต้องไปก่อนการยึดอำนาจ เพราะเหตุว่าหักกันเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย ทั้งยังเรื่องส่วนตัวก็โกหก รวมทั้งทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง ไม่ว่าเรื่องลงนามรับรองศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) รวมทั้งเรื่องแก้ รัฐธรรมนูญ แล้วก็การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง

รวมทั้งย้ำว่า ตนกล้ำกลืน ต้องการรักษาความรู้สึกของพี่น้องเสื้อแดง เนื่องจากว่าเขาตาย เขาเจ็บ หลังการสลายชุมนุม (ปี 2553) ตนตระเวณทุกพื้นที่ท่ามกลางความตาย แต่ทักษิณเสนอให้หนี แต่ตนไม่หนี ซึ่งขณะนั้นเสื้อแดงรวมทั้ง พรรคเพื่อไทยตกต่ำที่สุด พวกเราก็พากันพลิกฟื้น และก็ชีวิตตลอดเส้นทางนั้น ถ้าเกิดตนจะเอาตัวรอด ก็ต้องเอาตัวรอดแล้ว แต่ทำไมตนก็เลยลุกขึ้นสู้ต่อ

“ตลอดเวลาที่ท่านหักหลังผมนั้น ถ้าเกิดผมคิดเรื่องส่วนตัว ผมจะมาสู้ที่อักษะต่อหรือ? จนกระทั่งกระทั่งมามองเห็นมีการสมคบคิด ในเรื่องการรัฐประหาร ทักษิณไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2553 หรือ? และ (ยิ่งกว่าสิ่งใด) ความมีชัยที่ประชาชนแลกเปลี่ยนชีวิต ด้วยเลือดเนื้อมาให้นั้น เป็นการแบกความหวังไว้ทั้งมวล

นายจตุพร กล่าวว่า ในเรื่อง ICC ก็ไม่กล้ารับ เพราะว่ากลัว พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจ แล้วท้ายที่สุดมา สลายคนเสื้อแดง เพื่อไปพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่การชุมนุมตกลงแบ่งกันทำงาน เสื้อแดงคุมเวที พรรคเพื่อไทยจัดระดม ประชาชนมาชุมนุม แล้ววันหนึ่งจากคนเป็นหมื่น แล้วมาเหลือหลักร้อยจะให้คิดกันว่าอย่างไร กระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ เรียกสนทนา แล้ว 22 พฤษภาคม 2557 ก็ยึดอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ตนยังบากหน้ากล้ำกลืน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ตนยังวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกนำตัวไปปรับทัศนคตินับไม่ถ้วน และก็เป็นแกนนำคนเดียว ที่ถูกถอนประกัน อยู่ในคุกติดเชื้อในกระแสเลือดเกือบตาย ออกจากคุกจะมีการตัดสิน คดีจำนำข้าว ก็เอาตนเข้าคุกด้วยคำตัดสิน ของศาลฎีกาทั้งที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง เมื่อออกคุกมาก็ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในนานไทย ไม่ทนก็ถูกขังคุกอีกในคดีเดิมที่ปล่อยตัวมาแล้ว ทั้งเดือนหน้า (กุมภาพันธ์) ตนก็จะถูกคดีฟ้องยึดบ้าน และล่าสุดจะถูกฟ้อง เพิ่มเติมคดีจากเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

“ถ้าเกิด 8 ปีนี้ ผมเอาแค่เพียงที่ท่าน (ทักษิณ) หักหลังผม ไปแสวงหาผลประโยชน์ กับรัฐบาล คสช. ผมก็ไม่ต้องติดคุก ผมก็ไม่ต้องลำบาก ผมก็ไม่ต้องมีคดีมากมาย เนื่องจากเรายืนหลักในความถูกต้องตลอดเวลา อีกทั้งฝ่ายเดียวกันไปทำผิดพลาด ผมก็กล้ำกลืน ถ้าผมคิดประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ผมจะอยู่แบบนี้หรือ?”

อีกอย่าง การต่อสู้ของพวกเราเป็นมาต่อเนื่อง นั่งจัดรายการต่าง ๆ เพื่อต้องการหยุดอำนาจ 3 ป. ออกไปชุมนุมในนามคณะหลอมรวม ประชาชนก็เพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย แล้วมีเรื่องอะไร ไปสกัดแลนด์สไลด์ของทักษิณ

พร้อมกล่าวว่า ท่านรู้หมดว่า ใครคุยอะไรกับใครที่อยู่เมืองไทย คนไปคุยกับท่านที่เมืองนอก ตนก็ทราบหมดเช่นเดียวกัน ในเมืองไทยด่ากันเกือบตาย ในช่วงรบ อะไรก็ใช้ไม่ได้ ไอ้นี่เหล่านี้ ไอ้นั่นพวกนั้น เลือกตั้งเสร็จไอ้พวกนี่และก็คนพวกนั้นไปพบท่าน แวดล้อมไปหมด มันตำตาตนทั้งหมด

“ผมอยากจะบอกนายกฯทักษิณ ที่ท่านบอกถูกเห่า ผมจะบอกท่านว่า ถ้าหากผมหมา ท่านก็คือหัวหน้าหมา แล้วเราบอก ภาษาหมากันมานานแล้ว หมามันมีคุณสมบัติข้อหนึ่ง (นิ้วเคาะโต๊ะเสียงดัง) คือเรื่องความซื่อสัตย์ ท่านยังเป็นหมาไม่ได้เลย หรือเป็นหมาที่ใช้ไม่ได้ เนื่องจากสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น คือความซือสัตย์ระหว่างกัน เพราะเหตุว่าแลกเปลี่ยนชีวิตรวมทั้งตายได้ตลอดเวลา ถ้าเห็นแก่ตัวก็ต้องหนีตามท่านสิ ประเพณีนี้เมื่อหัวหน้าหนีก็จะดี เมื่อผมไม่หนีก็เป็นตัวแปลกอยู่แล้ว”

จตุพร

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ไม่หนีเพราะต้องการทวงความยุติธรรม

ให้ประชาชนที่ตาย แล้วก็เดินทางปราศรัยแลกเปลี่ยนชีวิตมาตลอด แต่หลายคนที่ถูกท่านประณาม สบประมาท ในไทยก็ไปเจอท่านที่ต่างประเทศ โดยเหตุนี้ เหตุที่ไม่ตอบ ทักษิณก็อธิบายได้ อย่าอ้างเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท แต่มีข้อเท็จจริงมันปรากฎด้วยคำกล่าวมาแล้ว อีกทั้งเรื่องเสียงปืนนัดแรกดังจะกลับมา แต่เสียงปืนผ่านไปสองแสนนัด ประชาชนตายเป็นร้อยศพท่านก็ไม่กลับมา

นอกจากนั้น ทักษิณยังพูดถึงพายเรือไปส่ง เสื้อแดงไม่ต้องตามมา เพราะเหตุว่าการบอกเช่นนี้เป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อจำกัด จะได้กลับบ้าน เพราะท่านคุยกับตัวเองจำได้หรือไม่ ด้วยเหตุดังกล่าว ทุกอย่างท่านยอมแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และรู้ดีว่าท่านทำอะไรได้บ้าง อีกอย่างก็ทราบว่า ตนไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยดีนักหรอก

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมาด้อยค่าตน เย้ยดูหมิ่นเป็นคนคิดคด หักหลัง ทั้งที่ทักษิณเป็นคนหักในการต่อสู้ตลอดเวลา แม้ท่านรับปาก ประกาศให้ได้ยินกันทั่วไป แต่คนที่รักกันอย่างหน้ามืดตามัวก็กล่าวว่า ทักษิณกล่าวผิดสักกี่ครั้งก็ได้ ราวกับบอกกลับบ้านปี 2565 ไม่ได้กลับก็บอกเป็นเรื่องระบบฟอกโลหิต ท่านก็ไปของท่านอีก

“ท่านหลีกหลีกเลี่ยงตอบว่า จะจับมือกับพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ ก็มาบอกในประเด็นว่า เรื่องจะกลับประเทศไทยจะไม่ออกกฎหมาย จะไม่เกี๊ยะซียะ (รอมชอม) กับพลังประชารัฐ รวมทั้งไม่ใช้ พรรคเพื่อไทยด้วย ผมต้องเรียกไปยังนายกฯ ทักษิณว่า ผมได้ยินมาอยู่แล้ว หลายวันที่ผ่านมาคงจำกันได้ ผมว่ามันมีดีล (ข้อตกลงลับ) หนึ่ง ซึ่งเป็นดีลที่ไม่เหมาะสม และไม่เหมาะสมจะดีล รวมทั้งไม่มีวันจะเป็นไปได้อีก รวมทั้งนี่หนักกว่าสุดซอย เพราะหนึ่งเป็นเรื่องไม่สมควร สองยิ่งกว่าการลักหลับ รวมทั้งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่ผมขอไม่อนุญาตอธิบายความ”

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ทักษิณ ต้องคดีถึงที่สุดแล้ว แต่คดีหลังไม่มีอายุความ มีคำตัดสินรวมโทษประมาณ 12 ปี เพราะฉะนั้น ในทางกฎหมาย เมื่อทักษิณกลับไทยต้องถูกจับกุมตัวส่งศาล แล้วเข้าคุก แต่มีข้อเท็จจริงบ้างประการว่า มีดีลพิเศษ แต่ไม่มีวันเป็นไปได้ เนื่องจากว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แล้วก็ตอนสุดซอยที่ใช้ลักหลับแต่ครั้งนี้จะลักหลับของแท้ ที่อธิบายเรื่องนี้ เนื่องจากว่าตนพยายามหลีกหลีกเลี่ยงถ้อยคำภาษา

ยิ่งกว่านั้น ดีลพิเศษนี้ ความเป็นจริงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องแลนด์ สไลด์ของพรรคเพื่อไทย หลายคนพยายามตั้งคำถามว่า อยู่ดีๆมาพูดเรื่องนี้ไปรับงานใครมา ทั้งยังที่สุดทนมาตั้งแต่ถูกหลอกใช้ให้ไปพบเสียงช่วยพรรคเพื่อชาติเมื่อปี 2562 ส่วน นปช.อีกกลุ่มก็แยกไปช่วยพรรคไทยรักษาชาติ แล้วมาล่าสุดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งช่วย นายก อบจ เชียงใหม่ ก็ขาดสะบั้น ใจสลายเลย

“เราอยู่ท่ามกลางความปวดอยู่แล้ว ถ้าไม่มาดูแคลน ผมก่อน โดยหยามว่า ไปรับงานใครมา แล้วผมก็ตอบกลับด้วยตรรกะเดียวกับทักษิณไปกล่าวที่ฮองกงนั้นว่า ท่านไปรับงานใครมาที่มาดูแคลนผม แต่ท่านไม่เข้าใจว่า มนุษย์ยอมตาย แลกเปลี่ยนชีวิตกันได้มันมีเรื่องศักดิ์ศรีของมันอยู่ ดูหมิ่นหลายครากระทั่งได้ใจ ไม่นึกว่าวันใดวันหนึ่งหนึ่งมันจะทนไม่ได้เอานะ

“เมื่อมาเหยียบอีก ถ่มน้ำลายใส่ ก็สุดทนเลย ทั้งยังที่ถูกดูหมิ่น ทำอยุติธรรมกับผมมานานแล้ว รวมทั้งที่สำคัญที่สุดไม่ยุติธรรมกับประชาชนมานานแล้ว รวมทั้งใครมันจะทนได้ หักหลังกันตลอดทางมา 30 ปีตั้งแต่คบกัน”

คุณทักษิณ

นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ไม่ได้รับงานใครมา

ถ้าหากทักษิณไม่พูดถึงตนก่อนในลักษณะที่ดูแคลนลาน เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่ออกมาบอก แต่ไม่ตอบโต้ กลับใช้แนวทางกระแนะกระแหน อธิบายยัดเยียดว่า รับงานใครมา แล้วตนจะติดคุกหรึอ? เข้า ๆ ออก ๆ คุกมีคดีความมากมายกว่าแกนนำทุกคน

นายนิติธร กล่าวว่า เข้าใจรู้สึกรวมทั้งทราบถึงเรื่องราว ก็เลยเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมเพื่อไทย-ทักษิณ ไม่ออกมาตอบโต้ เป็นเพราะกล้วความจริงจะหลั่งไหล ออกมามากมาย ดังนั้น ทักษิณจึงต้องเบียงเบนไปทางเยาะดูถูกดูแคลนเท่านั้น

พร้อมด้วยกล่าวว่า ที่ฟังมานั้น การที่นายจตุพร ไม่หนีคดีจึงก่อปัญหา กับตนเอง เพราะว่าทักษิณหนี คดีจึงต้องการให้ทุกคนหนีหมด ไม่ต้องการให้ใครมายึดโยงประชาชน รวมทั้งไม่ต้องการให้ทราบในสิ่งที่เขาทำกับประชาชน

“พอไม่หนีคดี แล้วไปอ้างต้องดูแลประชาชน มันก็เลยทำให้ความรู้สึกประชาชนต้อง แบกน้ำหนัก รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นคู่แค้นและเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก แล้วก็หนักใจกับคดีชุมนุม”

ชูวิทย์ เปิดเอกสารลับ ใครเป็นผู้ริเริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรู ปลอม

ชูวิทย์เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ กับ ตำรวจ ใครเป็นคนแรกที่มีความคิดริเริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร

วันที่ 19 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเอกสารลับ ดีเอสไอ มีรายละเอียดดังนี้

ผู้คนสงสัย ว่างานนี้เริ่มจากไหน? ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ ใครเป็นผู้เริ่มเรื่องฉาว ที่บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร เนื่องจากว่ากลายเป็นเรื่องแผลงฤทธิ์ของจีนเทา
ตบท้ายมีการ อมเงินของกลาง แล้วก็ปล่อยตัวจีนเทาไป โดยมีเงินตกร่วงไปเกือบ 10 ล้าน ผมได้นำคลิปเปิดเปิดเผย ให้มองเห็นเหมือนหนึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์

หลังจากนั้นมีการโยน กันไปมา ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ เอกสารที่โพสต์เป็น “รายงานลับ ที่หัวหน้าชุดดีเอสไอ ได้รายงานถึงอธิบดี” เพื่ออธิบายข้อเท็จจริง การตรวจหา ว่าเงินของกลาง ที่หายไป ตอนยึดไม่ได้นับว่ามีเท่าไหร่ เอาใส่ถุงแล้วนำส่ง สน.ทุ่งมหาเฆม เลย

(โยนความผิดไปให้ตำรวจ 191 ด้วยเหตุว่าดีเอสไอไม่ได้ขอหมายค้น แต่เป็นตำรวจที่ขอหมายค้น ดีเอสไอยังไม่ได้ลงรับ เป็นคดีพิเศษ ก็เลยไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ได้เป็นคนตรวจนับ และเซ็นเอกสารการนับเงิน)

ชูวิทย์เปิดเอกสารลับ
กรณีการขอหมายค้นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ อธิบายว่า

ถ้าหากรอรับเป็นคดีความพิเศษ จะไม่ทันการณ์ ผู้ต้องหาจะหนี ก็เลยได้ประสานตำรวจ 191 เป็นการเร่งด่วน เพื่อขอหมายค้น บ้านดังกล่าว (แสดงว่าเรื่องเริ่มจากดีเอสไอก่อน และก็แทนที่กลัวผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่กลับปล่อยหนีไปหมดเสียเอง) ท่านอธิบดีดีเอสไอ คงดีใจที่ถูกเด้ง เนื่องจากหน่วยงานดีเอสไอ ในระยะหลังมีแต่ข่าวสารฉาวมาเป็นช่วงๆ

คงเป็นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมา ก็เลยไม่มีใครคุมใครได้ และแต่ละเรื่อง วงเงินไม่ใช่น้อย แบบเดียวกับ ปปง. ท่านอธิบดีจึง ถูกเด้งเซ่นเรื่องจีนเทาไปอีกคนส่งท้าย

อสส.สั่งฟ้อง ตู้ห่าวกับพวก ทุนจีนสีเทารวม 41 คน ข้อหาค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่ฯ

“นารี” อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ตู้ห่าว กับพวกทุนจีนสีเทารวม 41 ราย นำคำฟ้อง 332 หน้ายื่นต่อศาลอาญา กรุงเทพใต้ หลายข้อหาหนัก ค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญากรรมข้ามชาติโทษ สูงสุดประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นักข่าวแถลงการณ์ว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก
จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 รวมทั้ง อัยการสูงสุดได้พิจารณา สำนวนการสอบสวนคดี ดังกล่าวแล้ว นั้น

ชูวิทย์เปิดเอกสาร
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด

ก็เลยได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานสมคบ
โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดรุนแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และก็ประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะ
เป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชน
รวมทั้ง โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4
โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนแล้วก็โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน,
สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน รวมทั้งด้วยกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ
โดยเป็นสมาชิกหรือโครงข่ายทำงาน ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบคิดกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรง
เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันมีอาวุธปืนแล้วก็เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ด้วยกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต,
ด้วยกันรับคนต่างด้าวทำงานโดย คนต่างด้าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ให้ทำงาน โดยฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย แอบแฝง
หรือช่วยด้วยประการอะไรก็แล้วแต่ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมือง โดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

แล้วก็ในวันนี้ (19 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น. อัยการสูงสุดได้มอบหมาย ให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้อง จำนวน 332 หน้า ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายถัดไป

ดีเอสไอ
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

เปิดเปิดเผยว่า น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ฟ้องนายตู้ห่าวกับพวกรวม 41 ราย ส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด นายจรูญ ธีรนานนท์ แล้วก็ในวันที่ 19 ม.ค.วันนี้สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลข ย 87 / 2566 จำเลย 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อได้ตัวมาฟ้องร้องคดีต่อไป

รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวเพราะ โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้าเอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น แล้วก็อัยการสูงสุดได้มีคำสั่ง ที่ 86/66 ตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีถัดไปด้วย
ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวัน แม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุดแล้วท่านยังติดตามความคืบหน้าในทุกระยะ และก็ดูแลการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลา
ตามกฎหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตแล้วก็มีอายุความ 30 ปี

ดีเจมะตูม ขอโทษแม่ มีข่าวเสียหายอีกแล้ว ก้ง101ร่ำไห้! ยันเอาเรื่อง วาวา ถึงที่สุด

ดีเจมะตูม เปิดเผย จัดฉากจับโจร ไม่ได้ทำตามใจตนเอง แค่ต้องการปกป้องรักษาชื่อเสียง ขอโทษแม่ มีข่าวสารเสียหายอีกแล้ว ก้ง 101 ร่ำไห้ สูญเงิน 8 ล้าน กว่าจะได้มา ยากมาก ยัน เอาเรื่องถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 หลังจบรายการ โหนกระแส ดีเจมะตูม เตชินท์ พลอยเพชร รวมทั้ง นายณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส หรือ ก้ง 101 ผู้เสียหาย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน กรณีสาวมิจฉาชีพ ชื่อ วาวา ทำทีตีสนิทแล้วก็แอบอ้างชื่อ พร้อมเชื้อเชิญคนอื่น ให้ร่วมลงทุนต่าง ๆ มีผู้เสียหายสูญเงินกว่า 8 ล้านบาท ก่อนมีคลิป มะตูม จัดฉาก ล่อเหยื่อมิจฉาชีพ คนดังกล่าว ทำทีว่าจะเลี้ยงปีใหม่เข้ามาที่ร้านอาหาร ที่ตนเป็นเจ้าของ ก่อนให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจแสดงตัวจับกะทันหันตามที่เป็นข่าวเสนอ ไปก่อนหน้านี้ อ่านข่าว ดีเจมะตูม จัดฉากเดือดรวบ วาวา มิจฉาชีพ ถลกกางเกง อึ้งอีเอ็ม ตุ๋นสิบ ๆ ล้าน

ดีเจมะตูมขอโทษแม่

ดีเจมะตูม เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุไม่ถึง 1 เดือน

ตอนแรกทำทีเป็นลูกค้าร่ำรวย ๆ เข้ามาที่ร้านค้า แล้วก็เปย์จ่ายค่า อาหารเครื่องดื่ม จากนั้นพอได้คุยกัน ผู้ก่อเหตุเชิญให้ร่วมลงทุนธุรกิจ อ้างถึงว่า จะให้เป็นหุ้นส่วน แต่ยังไม่มีเวลา ไปทำเรื่องซื้อขายที่ดิน ตนก็เลยเลขาส่วนตัวช่วยประสานให้ทุกอย่าง

จนถึงกระทั่ง ถึงวันซื้อขายที่ดิน ผู้ก่อเหตุไม่ยอมมา แต่โอนเงินให้เลขา 1 ล้าน เพื่อยืนยันว่า จะซื้อที่ดินแน่นอน พอหลังจากนั้น 1 ชั่วโมง กลับให้เลขาของตนโอนกลับไป พร้อมบอกกลับบ้านไปได้เลย ส่วนเรื่อง ซื้อขายที่ดิน จะดำเนินการต่อเอง ทำให้ตนเริ่มสงสัย พอตรวจทานก็เลยพบว่า ผู้ก่อเหตุ มีคดีความติดตัวอยู่ หลังจากนั้นตนก็เลย ตีตัวออกห่าง

ดีเจมะตูม บอกอีกว่า พอได้คุย กับน้องก้งที่เป็นผู้เสียหาย ก็เลยทำให้รู้ว่า ผู้ก่อเหตุแอบอ้างชื่อตน ไปหลอกให้ร่วมลงทุน 8 ล้านบาท ทำให้ตนเกิดความไม่สบายใจ อยากช่วยผู้เสียหาย แล้วก็อยากจะยืนยัน ความบริสุทธิ์ของตนเอง ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับขบวนการมิจฉาชีพ

จึงวางแผนกันว่า จะพาผู้เสียหาย มาที่ร้านของตนเอง ในวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นวันที่ร้านหยุด แต่จะจัดฉากให้ราวกับร้านค้าเปิดตามปกติ พอผู้ก่อเหตุมามาถึงร้าน ก็เลยเกิดเหตุการณ์ ขึ้นตามคลิป ซึ่งมีตำรวจมาด้วย เพราะก่อนนี้ได้ปรึกษาตำรวจแล้ว เพราะเหตุว่าผู้ก่อเหตุยังมีหมายจับ จากคดีอื่น ๆ ด้วย

ตอนที่ผู้เสียหาย กับผู้ก่อเหตุยื้อกัน ตนเห็นมีวัตถุบางอย่าง อยู่ตรงข้อเท้าผู้ก่อเหตุ ตอนแรกรู้สึกว่า อาจจะเป็นระเบิดหรือปืน เพราะดูละครมากมายเกินไป แต่พอเปิดดูเห็นผู้ก่อเหตุใส่กำไลอีเอ็ม ในคลิปหลายคนเห็นว่ารุนแรง แต่ไม่มีการเถียงวิวาท ถึงขนาดทำร้ายร่างกาย มีเพียงแค่ ราดน้ำอัดลมใส่ หัวเท่านั้น ซึ่งตนเป็นคนห้าม ยืนยันว่า เหตุการณ์ในคลิป ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง แต่อยากออกมาคุ้มครองกิตติศัพท์ตนเอง

ดีเจมะตูมขอโทษแม่มีข่าวเสียหาย

ดีเจมะตูม บอกอีกว่า อยากขอโทษแม่ ต้องการกอดแม่

เนื่องจากว่าเคยสัญญาไว้ว่า จะไม่มีข่าวสารเสียหายอีกแล้ว ทำให้แม่เครียด แต่ต้องการที่จะให้แม่รู้ว่า สิ่งที่ทำเพราะว่ายืนยัน ความบริสุทธิ์ของตน เพราะหลังจากที่เป็นข่าว มีผู้เสียหายติดต่อ เข้ามามากมาก

ด้านนายณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส หรือ ก้ง 101 เปิดเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุ กล่าวถึงว่า รู้จักกับดีเจมะตูม มานาน 2-3 ปี แล้วก็มีการสร้างโปรไฟล์ เพื่ออวดกล่าวถึงว่าตนเองร่ำรวย ทำธุรกิจหลายอย่าง กระทั่งกระทั่งตนหลงเชื่อ ร่วมลงทุนไป 8 ล้าน ทำธุรกิจออมทอง และก็ธุรกิจอื่น ๆ

จากนั้น ผู้ก่อเหตุพาตน ไปดูตู้เซฟ ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง กล่าวถึงว่า ข้างในตู้เซฟมีทอง 1,000 บาท และพูดว่าหากลงทุนไปแล้ว ไม่ได้เงินคืนมา ให้นำกุญแจไป มาไขเอาทองในตู้เซฟได้เลย พร้อมทั้งให้กุญแจไว้ เป็นหลักประกัน สร้างความน่าไว้ใจ ยิ่งทำให้ตนหลงเชื่อ

นายณัฐกานต์ บอกอีกว่า ผู้ก่อเหตุยังขายรถปอร์เช่ รุ่นบ็อกซเตอร์ ในราคา 2.5 ล้าน จากราคาเต็ม 5 ล้าน และก็ขายนาฬิกาปาแอ๊ก ในราคา 2.5 ล้าน แต่ให้มัดจำก่อน 5 แสน หากมีเมื่อใดค่อยมาจ่าย

แต่พอรู้ความจริงว่าถูกหลอก

เพราะว่ายังไม่ได้เงิน ตามที่ตกลงไป พอไปสืบถึงรู้ดีว่าผู้ก่อเหตุ ขายนาฬิกาปาเต๊ะ เลียนแบบให้ ส่วนรถปอร์เช่รุ่นบ็อกซเตอร์ ก็ไปเช่ามาเป็นรายวัน จึงขอคำแนะนำทนายและดีเจมะตูมร่วมกันจับมิจฉาชีพ จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นตามคลิป

นายณัฐกานต์ บอกอีกว่า ตนไม่ได้เกินกว่าเหตุ แต่อยากช่วยทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เพราะมีผู้เสียหายเยอะมาก รวมมูลค่า 100 ล้าน ส่วนเงิน 8 ล้าน ที่ถูกโกงไป มาจากการไลฟ์สดขายของเช้าถึงเย็น มีพ่อแม่ช่วยไลฟ์ด้วย เหนื่อยมากกว่าจะได้เงินมาขนาดนี้ แม่ว่าจะได้เงินกลับคืนมายาก แต่จะสู้ให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้คนก่อเหตุออกมาหลอกคนอื่นอีก

ทางด้าน นายศีรวิษ สุขชัย หรือ ทนายเบียร์ เปิดเปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายทราบดีว่าโดนโกงแล้ว ก็ได้นำกุญแจที่ผู้ก่อเหตุให้ไว้ ไปไขตู้เซฟที่ธนาคาร แต่ไม่สามารถเปิดได้ ตนก็เลยไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกง แล้วก็อายัดตู้นิรภัยไว้ก่อน

หลังจากแจ้งความไปแล้ว พบว่า ผู้ก่อเหตุมีหมายจับ 9 คดี แต่ถอนไปแล้ว 8 คดี ทำให้ยังเหลือหมายจับอีก 1 คดี อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนเกิดเหตุการณ์ในคลิป ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ พอผู้ก่อเหตุเข้ามาที่ร้าน ทางตำรวจจึงควบคุมตัว ไปดำเนินคดีทันที ซึ่งคดีที่ผู้ก่อเหตุโดนจับนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับลูกความของตน

“ทรงอย่างแบด” ไม่ได้เป็น เพลงชาติ สำหรับวัยรุ่นฟัน น้ำนมอย่างเดียว ยังเป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันปลอม และฟันผุ!

กลายเป็นกระแสอยู่ไม่น้อย สำหรับเพลงชาติวัยรุ่นฟันน้ำนม ที่น้อง ๆ หนู ๆ ร้องกันกระจาย มีหลากหลายคลิป ออกมาเรียกรอยยิ้ม สำหรับ ทรงอย่างแบด ของวง Paper planes ที่มีสองสมาชิกอย่าง “ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ” นักร้องนำ กับ “เซน นครินทร์ ขุนภักดี” มือเบส โดยวันนี้ ซาฟารีเวิลด์ เตรียมแตก เนื่องจากว่า สองหนุ่มจะไปแสดงโชว์ เซอร์ไพรส์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ วันเด็กแห่งชาติ 2566

ซึ่งตอนนี้ กระแสนิยมเพลงทรงอย่างแบดไม่ได้ถูกใจเพียงแค่วัยรุ่นฟันน้ำนม เพราะเหตุว่ากำลังลุกลามไปถึง วัยรุ่นฟันปลอม หลังจากที่มีคลิปโยกหัว กันกระจุย ในงานเปิด โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลนคร พระนครศรีอยุธยา ขณะที่วัยรุ่นฟันผุ อย่าง “ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย” ที่ปลื้มทั้งสองหนุ่ม เป็นอย่างมาก ถึงขั้นขอร่วมเฟรม พร้อมเปิดเผยภาพรวมทั้งแคปชั่นในอินสตาแกรมว่า “ร้องเมื่อเช้าเจอน้องตอนบ่าย ขวัญใจฟันน้ำนมแล้วยังขวัญใจฟันผุด้วยนะครับ” ทำแฟนคลับเข้ามาเมนต์ฮากันกระจาย

กระแสเพลงชาติวัยรุ่นฟันน้ำนม

ทรงอย่างแบด กระหึ่ม ! Paper Planes ทำสวนสัตว์แทบแตก-แถมน้องโลมา… คิวอย่างเป๊ะ !!

ทรงอย่างแบดฟีเวอร์จัด ปังไม่ไหว ! Paper Planes ขึ้นโชว์วันเด็ก 2566 ที่ซาฟารี เวิลด์ วัยรุ่นฟันน้ำนม พร้อมใจร้องดัง กระหึ่มลั่นสวนสัตว์ ฝูงน้องโลมากระโดด โชว์ตัวถูกจังหวะ รู้คิวสุด ๆ

กะจะทำเซอร์ไพรส์ เหล่าแฟนคลับวัยรุ่น ฟันน้ำนม ในวันเด็กปี 2566 แต่แผนของ 2 หนุ่มสุดร็อก ฮาย ธันวา แล้วก็ เซน นครินทร์ จากวง Paper Planes ก็ดันมาถูกเฉลยซะก่อน ว่าจะไปจัดคอนเสิร์ตที่สวนสัตว์ ซาฟารี เวิลด์ ทำให้งานนี้ เหล่าผู้ปกครองต่างเตรียมความพร้อม พาลูก ๆ มุ่งตรงไปร้องเพลง “ทรงอย่างแบด” กันอย่างใจจดใจจ่อ

แล้วหลังจากนั้นก็ถึงวันเด็กแห่งชาติ ที่เหล่าวัยรุ่นฟันน้ำนม รอคอย งานนี้ก็มีผู้ปกครอง จากทั่วสารทิศ มารวมตัวกันที่สวนสัตว์ ซาฟารี เวิลด์ กว่า 5,000 คน จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ วงร็อกสวนสัตว์แตก แม้ทั้งสองหนุ่ม จะมาโชว์เพียงแค่เพลงเดียว เนื่องจากว่าต้องไปทำงาน ของวงต่อ แต่เมื่อเสียงเพลงทรงอย่างแบด ดังขึ้น เด็ก ๆ ก็พร้อมใจกัน ร้องเสียงดัง ฟังชัด กระหึ่มลั่นสวนสัตว์เลยทีเดียว

แถมยังปิดท้ายโชว์ สุดประทับใจ ด้วยฝูงน้องโลมาที่กระโดด ขึ้นมาจากสระ ได้เข้ากับจังหวะเพลงสุด ๆ ทำให้งานนี้ได้ใจวัยรุ่นฟันน้ำนมและผู้ปกครองไปเต็ม ๆ

ยิ่งกว่านั้น ฮาย Paper Planes ยังได้กล่าวความรู้สึก ที่มาร้องเพลงในวันนี้เหตุว่า “เราคิดว่า ซาฟารีเวิลด์ เป็นที่แรกที่ทำให้พวกเราได้เห็นคลิปแล้วก็ได้รู้จักกับน้อง ๆ พวกเราเลยมีความรู้สึกว่าวันเด็กนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เจอกับน้อง ๆ เลยขอทางทีมงาน ติดต่อทาง ซาฟารีเวิลด์ เพื่อมาเจอกับน้อง ๆ แบบจริง ๆ

และพวกเราอยากขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ ของน้อง ๆ ที่ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลกัน เราอาจจะถูกเรียกว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ผมคิดเสมอว่าตัวเองเป็นพี่ ๆ ของน้อง ๆ ผมเองก็ยังไม่ได้อยู่ในวัย ที่ทุกอย่างถูกต้อง ยังมีผิดบ้างแล้วก็ดีบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าเราและก็ผู้ปกครองจะร่วมมือกันพาน้อง ๆ ไปอยู่ในจุดที่สมเหตุสมผลและก็อยู่ในจุดที่ดีที่สุด ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ ที่ซัพพอร์ตเราแล้วก็ สร้างมาตรฐานใหม่ การไม่ตัดสิน คนจากข้างนอก”

วง Paper planes

เปิดประวัติ ‘Paper Planes’ หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม

มาทำความรู้จัก ‘Paper Planes’ หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม ผู้ครอบครองผลงาน เพลงสุดฮิต ‘ทรงอย่างแบด(Bad Boy)’

Paper Planes วงร็อกอัลเทอร์เนทีฟ จากค่าย Genie records ที่ประกอบไปด้วย 2 สมาชิก ฮาย ธันวา (ร้องนำ) รวมทั้ง เซน นครินทร์ (เบส) เดบิวต์อย่างเป็นทางการในช่วงปี พ.ศ. 2560 ภายใต้โปรโปรเจกต์อัลบั้ม Showroom Vol.3 รวมทั้งปล่อยผลงานเพลงแรก ออกมาในชื่อเพลง ก่อนเสียเธอไป ต่อด้วย ซ้ำซ้ำ, เก็บฉันไว้ทำไม, คำตอบเดิม, กุหลาบพิษ, ไร้ความหมาย, ความคิดถึงที่ส่งไปไม่ถึง แล้วก็ กำหมัด

จนเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ออกมา ปล่อยเพลง ป๊อปพังก์ สุดร้อนแรง ที่มีเนื้อหา กระแทกใจ คนฟังอย่างเพลง ‘เสแสร้ง Feat. MOON’ พร้อมกวาดยอดวิว บนยูทูบไปกว่า 102 ล้านวิว (ข้อมูลวันที่ 14 ม.ค.66) นับได้ว่าเป็นผลงานเพลงที่ที่ทำให้ Paper Planes เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ต่อมาในช่วงปลายปี Paper Planes ก็ได้กลับมาสาดความฉบับป๊อปพังก์ ผ่านเพลง ‘ทรงอย่างแบด(Bad Boy)’ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงไทย ด้วยการเป็นเพลงได้รับความนิยมที่แก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนมในยุคนี้พอใจ

Paper planes

วันนี้ จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ ‘Paper Planes’ หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนมให้มากขึ้นกว่าเดิม

เดิมที Paper Plane ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คนด้วยกัน ได้แก่ ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ, หยก คีตเมศร์ ฉันทเกษมคุณ และ แจ๊ส ฤทธิ์อำนาจ ขวานทอง ก่อนที่ แจ๊ส จะลาออกจากวงไปด้วยเหตุผลส่วนตัว ทำให้วงมีสมาชิกใหม่มากขึ้นมาคือ ‘เซน นครินทร์ ขุนภักดี’ รวมทั้ง หลังจากปล่อยเพลง หลอกลวง ไปได้ไม่นาน หยก ก็ได้ลาออกจากวงไปด้วยเหตุผลส่วนตัว ทำให้ปัจจุบัน Paper Planes มีสมาชิกทั้งหมด 2 คน คือ ฮาย และ เซน

พวกเรามาเริ่มทำความรู้จักกัน ที่นักร้องนำ อย่าง ‘ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ’ หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในฐานะ ‘HYE’ ศิลปินเดี่ยว ที่มีผลงานเพลงฮิตติดหูมากมาย ผ่านการปล่อยโปรเจกต์ของตนเองในชื่อ Side Project ที่ประกอบด้วย10 เพลงฮิต อย่าง ไอฟาย, ล้อเล่นได้มั้ย, ทักมาเอาไร, เพื่อนสัมพันธ์, จิ๊กซอว์, ติดอยู่ที่เดิม, ด้วยรักและ F*CK YOU (FU), แบบนี้เอง, ระยะเพื่อน และ ยินดีด้วยนะ

นอกเหนือจากนี้ ‘HYE’ ยังเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง, ซาวด์เอ็นจิเนียร์ ผู้อยู่เบื้องหลังดนตรี รวมทั้งการสร้างผลงานคุณภาพออกมาประดับวงการ T-POP ไว้มากมาย อย่างเช่น

เพลงอยู่ดีๆก็หาย ของ Wonderframe ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 148ล้านวิวบนยูทูบ
เพลงมูเตลู ของ Pixxie ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 14ล้านวิวบนยูทูบ
เพลงหักหลัง ของ Retrospect ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 12ล้านวิวบนยูทูบ
เพลงโดนเท่แต่เท่อยู่ ของ bamm ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 10ล้านวิวบนยูทูบ
เพลงดอกไม้ไฟ ของ Mirrr ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 29ล้านวิวบนยูทูบ
เพลงไม่ได้ก็ไม่เอา ของ Pixxie ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 8ล้านวิวบนยูทูบ
เพลงเขาไปแล้ว ของ Wonderframe ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 86ล้านวิวบนยูทูบ

มาต่อกันที่หัวหน้าแห่งแก๊ง วัยรุ่นฟันน้ำนม คนที่ 2 อย่าง ‘เซน นครินทร์ ขุนภักดี’

ทรงอย่างแบด

ตำแหน่งมือเบสประจำวง ‘Paper Planes’ ซึ่ง เซน ได้เริ่มเข้ามาเป็นมือเบสประจำวงในช่วงซิงเกิล ‘ซ้ำซ้ำ’

“ทรงอย่างแบดแซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชาย bad boy
ทรงอย่างแบดแซดอย่างบ่อย เธอไม่รักฉันก็คงต้องปล่อย
โธ่พ่อหนุ่ม bad boy bad boyทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย
ปล่อยเธอไปกับไอ้หนุ่ม good boy…”

ท่อนฮุกสุดมันจากเพลง ‘ทรงอย่างแบด(Bad Boy)’ บทเพลงที่มีรายละเอียด บอกแทนใจ คนทรงแบด หรือคนที่มีภาพลักษณ์ภายนอก เสมือนแบดบอย ที่ชอบถูกตัดสินว่าเจ้าชู้ แต่ความจริง คือเสียใจบ่อยครั้งมาก กระทั่งสามารถเรียกได้ว่า “ทรงอย่างแบดแซดอย่างบ่อย”

ซึ่งเพลงนี้ เกิดขึ้นจาก การที่ฮายไปมองเห็นโพสต์ในไอจีสตอรี่ ของเพื่อนที่มีข้อความประมาณว่า “ทรงโคตรแบด แซดโคตรบ่อย” แล้วเกิดความคิดที่จะนำมาแต่งเป็นเพลง โดย ‘ฮาย’ แล้วก็ ‘เซน’ ได้เล่าถึงที่มาเพลงนี้ว่า “ปกติพวกเรามักถูกมองดูจากข้างนอกว่า

ดูลุคแบด ๆ ดูแข็งกร้าว ก็เลยเข้าใจว่า เราเป็นคนแบบนั้น แต่จริง ๆ เราก็ไม่ได้แข็งกร้าวขนาดนั้น เราเป็นคนปกติกลาง ๆ คนนึงเลย ตอนแรกเพลงนี้ ไม่ได้อยู่ในแพลน ที่พวกเราจะทำกัน

แต่จู่ๆวันที่พวกเราตกลงกันว่า จะไปนั่งทำเพลง เราดันระลึกถึงเรื่องนี้ แล้วคิดถัดไปว่าถ้าเกิดทำออกมาเป็นเพลง น่าจะเป็นอะไรที่สนุกดี เลยลองทำเพลงนี้ขึ้นมาก่อน เป็นเพลงแรก ซึ่งใช้เวลาวันเดียว ก็ได้ทั้งยังเนื้อร้อง รวมทั้งดนตรีจบเลย ด้วยเหตุว่าตอนทำพวกเรารู้สึกสนุกมาก”

ซึ่งหลังจากที่ Paper Planes ปล่อยเพลงนี้ออกมาได้ประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ ก็ได้มีไวรัล ‘ทรงอย่างแบด’ เกิดขึ้นในโลกโซเชียล

โดยเริ่มจากการมีคลิปที่เด็กวัยอนุบาล ร้องเพลงนี้ขึ้น มาอย่างสนุกสนาน ในท่อนว้ากหนัก ๆ ที่ร้องว่า “โธ่พ่อหนุ่ม bad boy bad boy” ที่ ซาฟารีเวิลด์ จากนั้นก็มีคลิปน่ารักน่าเอ็นดู ๆ ของเด็ก ๆ

ออกมาอย่างตลอด กระทั่งกระทั่งเริ่มมี ผู้ปกครองอุ้มน้อง ๆ หนู ๆ มาดู Paper Planes เล่นสดมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขนาดที่ ฮาย ต้องบอกก่อนจบคอนเสิร์ตว่า

“สัญญาได้ไหมว่าหากดูคอนเสิร์ตจบแล้ว จะไปแปรงฟันกัน ก่อนนอนอย่าลืมแปรงกันนะโอเคไหม” พร้อมทิ้งท้ายว่า “ทำไม ชีวิตผมถึงเปลี่ยนไปเยอะ ขนาดนี้ (หัวเราะ)” ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เพลง ‘ทรงอย่างแบด’ กลายไปเป็นเพลงชาติ ที่วัยรุ่นฟันน้ำนม พอใจ รวมทั้งทำให้ Paper Planes ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม ไปนั่นเอง

เพลงทรงอย่างแบด

โดย ทรงอย่างแบด ‘ฮาย ธันวา’ ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลง

รวมทั้งความรับผิดชอบ ที่ต้องเพิ่มมากขึ้นของ Paper Planes ในคราวนี้ผ่านคลิป วิดีโอสัมภาษณ์ จากรายการ WOODY FM ว่า “ผมผมรู้สึกว่า เรานึกถึงหนังพวกซูเปอร์ฮีโร่ คือผมไม่ได้รู้สึกเป็นซูเปอร์ฮีโร่นะ แต่ว่ามันน่าจะเปรียบเทียบได้ดี คือวันนึงที่ซูเปอร์ฮีโร่มีพลังอะไรขึ้นมา เขาจะมีภารกิจที่ต้องทำ กู้โลก ไปต่อสู้กับปีศาจร้าย แต่ว่าในระหว่างทางนั้นพลังของเขาก็มีผลเสียอยู่ อย่างเช่นการทำบ้านเมืองพัง การทำอะไรไปโดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ การที่วันนึงผมมาเป็นหัวหน้าแก๊ง เวลาเด็ก ๆ เขาชอบเราบางเรื่อง เด็ก ๆ เขาซึมซับไปได้เร็ว โดยที่เขาไม่ได้ตัดสิน หรือว่าเขาไม่สามารถวิเคราะห์ได้ อะไรที่มันสุ่มเสี่ยง หรือที่มันไม่สามารถอธิบายได้ ณ ตอนนั้นผมจะเลี่ยงก่อน แต่อะไรที่อธิบายได้ ผมจะอธิบายเลย อย่างเช่น การดื่มเหล้าเบียร์ สูบบุหรี่ ผมว่าสุดท้ายแล้วเด็กแค่ต้องรู้ว่าอันไหนเป็นข้อดี หรือข้อเสีย แล้ววันนึงเขาก็จะรับมันไปเอง แม้ว่ามันจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ตาม แต่ที่สำคัญคือเขาต้องรู้ว่ามันมีผลยังไง ทั้งในผลดีและผลเสีย ผมเลยคิดว่าเราจะต้องคิดเรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะเด็ก ๆ ก็ติดตามเยอะมากขึ้นครับ”

จิ๊บ คีตภัทร ชี้แจงหลังถูกโยงเป็นนางเอกดัง ซื้อบริการแต่โดนแบล็กเมล์

หลังจากที่กลายเป็นเรื่องที่เป็นกระแสฮือฮา สำหรับขาเผือกอีกครั้ง ที่มีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งได้โพสต์ข้อความ โดยอ้างว่า มีอดีตนางเอกดังช่องหลายสี ไปซื้อบริการจากหนุ่มนอกวงการ แต่ดันเจอดีโดนอีกฝ่ายอัดคลิปแบล็กเมล์เรียกเงิน 4 แสน แล้วก็ล่าสุดคลิปดังกล่าว หลุดว่อนโซเชียล ซึ่งงานนี้เหล่าชาวเน็ต ก็ได้ทำการคาดเดา และเชื่อมโยงไปถึงนางเอก จ. จาน หลายๆ คน แล้วก็หนึ่งในนั้นมีชื่อของนางเอกสาว จิ๊บ คีตภัทร ด้วย

ซึ่งล่าสุดสาว จิ๊บ คีตภัทร ที่ได้ทราบข่าวสาร ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ขออนุญาตชี้แจงข่าว ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ จากข่าวที่มีการใช้ชื่อ หรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่อง และไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว

จิ๊บมาหาครอบครัว ที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ อยากขอให้ทุกคน ใช้วิจารณญาณ ในการเสพข่าว ส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บ และครอบครัว ได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิ และความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

งานนี้ชาวเน็ตคนไหนที่กำลังเดา หรือเชื่อมโยง ก็ขอให้หยุดไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ

keetapat

ส่องประวัติ ‘จิ๊บ คีตภัทร’ นางเอกลูกครึ่ง จากผลงานดัง กว่าจะรู้เดียงสา

ประวัติ จิ๊บ คีตภัทร นางเอกลูกครึ่งชื่อดังช่อง 7 ผลงานแจ้งเกิด เบญจา คีตา ความรัก สาวสวยหน้ามีเอกลักษณ์ น้องสาว จิม เจจินตัย

ถ้าเกิดใครเคยดูละครดังช่อง 7 อย่างเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก หรือ กว่าจะรู้เดียงสา มั่นใจว่าจะต้องคุ้นหน้า และก็คุ้นชื่อสาวคนนี้แน่นอน จิ๊บ ถึงแม้ว่าหลังๆ มานี้ สาวจี๊บจะห่างหายไปจากวงการ แต่มั่นใจว่าหลายๆ คนยังคงจำเธอ ได้อย่างแน่นอน จากผลงานละครหลายเรื่อง วันนี้เราจึงขอชวนคุณมารู้จักเธอให้มากขึ้นอีกครั้ง ผ่านประวัติ และผลงานของสาวจี๊บกัน

จิ๊บ หรือ คีตภัทร อันติมานนท์ นักแสดงจากช่อง 7 เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ สาวจิ๊บเป็นน้องสาวคนเล็กของ จิม เจจินตัย อันติมานนท์ อดีตดาราและนายแบบ ตอนนี้จี๊บอายุ 38 ปี เธอเกิดเมื่อวันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2527

จิ๊บก้าวเท้าเข้าสู่วงการ ตามรอยพี่ชาย ด้วยการเป็นดารา ในสังกัดดาราวิดีโอและสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน

ผลงานเรื่องแรก ที่ทำให้จิ๊บเป็นที่รู้จัก คือ ละครเรื่อง กว่าจะรู้เดียงสา (2543) โดยจิ๊บได้ขึ้นแท่นนางเอก ตั้งแต่เรื่องแรก ประกบคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์

หลังจากนั้นจิ๊บยังได้รับบทนางเอกอย่างต่อเนื่องอีกหลายเรื่อง ก่อนจะมีโอกาส ได้พลิกมารับบทนางร้าย ซึ่งจิ๊บก็ยังทำได้ดีไม่แพ้กัน

keetapat untimanon

ผลงานละคร ของสาวจิ๊บ คีตภัทร มีดังนี้

กว่าจะรู้เดียงสา (2543)
กามเทพลวง (2543)
เจ้าสัวน้อย (2543)
ลูกหลง (2544)
ผีขี้เหงา (2545)
แม่แตงร่มใบ (2546)
เปรตวัดสุทัศน์ (2546)
เบญจา คีตา ความรัก (2546)
รักล้นซอย (2547)
บันทึกรักของนายบุญลือ (2548)
ยอดชายนายโข่ง (2548)
หมอผีไซเบอร์ (2548)
เงื่อนริษยา (2550)
ฟ้า หิน ดิน ทราย (2550)
คนเยอะเรื่องแยะ (2550)
เกาะมหัศจรรย์ (2551)
วงเวียนหัวใจ (2552)
สายสืบเสียงทอง (2552)
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ (2556)
ยมบาลเจ้าขา (รับเชิญ) (2556)
ยอดชายนายตุ๊กตุ๊ก (2557)
สาวน้อยซอยรจนา (2558)
คู่วุ่นลุ้นแผนรัก (2559)
ยมบาลเจ้าขา ปี 2 (2559)
แหวนปราบมาร (2560)
ลูกหลง (2560)
ทิวลิปทอง (2560)
กุหลาบเกราะเพชร (2562)

นอกเหนือจากความสามารถเกี่ยวกับด้านการแสดงแล้ว สาวจิ๊บยังเคยฝาก เสียงร้องเพลงเพราะๆ ไว้ในเพลงประกอบละครเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก อีกด้วย ได้แก่ เพลงดนตรีในหัวใจ แล้วก็เพลงเพื่อวันที่ดีกว่า

ปัจจุบันนอกจากงานในแวดวงบันเทิงแล้ว สาวจิ๊บยังผันตัว ไปเป็นนักธุรกิจ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจน รวมทั้งธุรกิจร้านอาหารไทย ที่สาวจิ๊บร่วมเป็นหุ้นส่วนเปิดร้าน ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศอเมริกาอีกด้วย ชื่อร้านว่า Noi Thai Cuisine Greenlake

ส่วนความรัก สาวจิ๊บมักไม่ค่อยเผยต่อสื่อมากสักเท่าไรนัก แต่ว่าข้อมูลล่าสุดเผยว่า สาวจิ๊บยังไม่ได้แต่งงานแต่อย่างใด

ตอนนี้สาวจิ๊บใช้ชีวิตอยู่ที่ ประเทศอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ถ้าใครคิดถึง และก็ชื่นชอบสาวจิ๊บ สามารถไปติดตามเธอได้ที่ อินสตาแกรมส่วนตัว @keetapat กันได้เลย บอกเลยว่า สาวจิ๊บทุกวันนี้ยังน่ารักไม่ต่างจากหลายปีก่อนที่เธอยังโลดแล่นอยู่ในหน้าจอโทรทัศน์แม้แต่นิดเดียว.

ชมสด "แอนนา เสือ" ประชันโฉมรอบพรีลิมฯ ชุดประจำชาติ Miss Universe 2022

ถ่ายทอดสด Miss Universe 2022 ส่งใจเชียร์ “แอนนา เสือ” ขึ้นประชันโฉมรอบพรีลิมฯ-ชุดประจำชาติ ช่วงเช้าวันนี้

วันที่แฟน ๆ ชาวไทย ต่างรอคอย เริ่มขึ้นแล้ววันนี้ ที่จะได้ส่งเสียเชียร์เพื่อเป็นการให้กำลังใจ ไทยแลนด์ให้กึกก้องโลก สำหรับการประกวด เวทีนางงามจักรวาล มิสยูนิเวิร์ส 2565 (Miss Universe 2022) ครั้งที่ 71 ที่จัดขึ้น ณ นิวออร์ลีนส์ มอเรียล คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ณ นครนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา โดยมีปีนี้ไทยส่ง “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ไปร่วมชิงมง

โดยวันนี้ จะเป็นการประกวด ในรอบคัดเลือก หรือ รอบพรีลิมฯ รวมทั้ง รอบชุดประจำชาติ ซึ่งจะมีกำหนดการดังนี้

-รอบคัดเลือก หรือ รอบพรีลิมฯ (PRELIMINARY) วันที่ 12 มกราคม 2566 เวลา 08.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

-รอบชุดประจำชาติ (NATIONAL COSTUME SHOW) วันที่ 12 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

-รอบสุดท้าย Final Competition วันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

 

แอนนา เสือ
ดังนี้ สามารถรับชม ถ่ายทอดสด การประกวดMiss Universe 2022

ได้ที่ทาง ช่องทางของ JKN แล้วก็ ยูทูปชาแนลMiss Universe รวมถึง เพจเฟซบุ๊กMiss Universe

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 66 กองประกวด มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ได้เผยโฉมชุด ประจำชาติที่ นางสาวแอนนา เสืองามเอี่ยม มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2022 จะสวมบนเวที การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2022 โดยมีชื่อชุดว่า“สงกรานต์เทวี” สัญลักษณ์ของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากนางสงกรานต์ประจำปี 2566 ชื่อว่า “นางกิมิทาเทวี” หนึ่งในเทพธิดา (goddess) อีกทั้งเจ็ดของท้าว กบิลพรหม

ประชันโฉมรอบพรีลิมฯ ชุดประจำชาติ
ลวดลายของชุดได้แรงบันดาลใจ มากจากหัตถศิลป์ หัตถกรรม ผ้าทอโบราณ “ผ้าทอลายน้ำไหล” ประดับตกแต่ง ด้วยงาน ปักลูกปัด คริสตัล เลื่อม รวมทั้งขวดน้ำ ที่เหลือใช้จากการบริโภค นำมาประยุกต์ให้มีความทันสมัย ออกแบบโดย พีรณัฐ วิริยะ ดีไซเนอร์จากแบรนด์ Ciqure

สำหรับ “ขันเงิน” ที่ทำโดยช่าง ฝีมือคนไทย สื่อถึงการ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การเล่นน้ำ หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่มีความประณีต ประดิษฐ์แล้ว ยังสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชาวบ้าน

และชุมชน สะท้อนให้มองเห็นถึงความสุข ความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน รวมทั้งความงดงาม ที่สืบทอดต่อกันมาอย่างช้านานอีกด้วย

ร่วมเชียร์ “แอนนา เสือ” ให้ถึงฝันกับมงสาม ที่รอคอย พร้อมลุ้นว่าใครจะได้ครองมงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส 2022 ไปด้วยกันในวันที่ 15 มกราคม 2565 ตามเวลาประเทศไทย ตั้งแต่ 7.00 น. ถ่ายทอดสดผ่านช่อง JKN18

 

แอนนา เสือ ประชันโฉม
ตั้งนาฬิกาปลุกเชียร์ “แอนนา เสือ” ขึ้นประชันโฉม “รอบพรีลิมฯ – ชุดประจำชาติ”Miss Universe 2022 เช้า 12 ม.ค. นี้

“แอนนา เสืองามเอี่ยม” ตระเตรียมขึ้นเวที “มิสยูนิเวิร์ส” 2 รอบสำคัญ “พรีลิมฯ – ชุดประจำชาติ” แฟนนางงามพร้อมเชียร์

วันพรุ่งแล้ว! (12 ม.ค.66) ที่แฟนนางงามไทย จะได้รวมพลังส่งกำลังใจ ตะโกนไทยแลนด์ ให้ก้องโลก เนื่องจากว่า “แอนนา เสืองามเอี่ยม” จะขึ้นประชัน โฉมบนเวทีการ ประกวดนางงามจักรวาล “มิสยูนิเวิร์ส2022” (Miss Universe2022) ใน รอบคัดเลือก หรือ รอบพรีลิมฯ รวมทั้ง รอบชุดประจำชาติ

แอนนา เสือ ประชันโฉมรอบพรีลิมฯ

ต่างชาติตะลึง แอนนา เสือ กับหลากลุคเข้ากองประกวด Miss Universe 2022

เตรียมนับ วันถอยหลัง กันให้ดี สำหรับการประกวดMiss Universe 2022 ซึ่งตัวแทนประเทศไทย แอน แอนนา เสืองามเอี่ยมMiss Universe Thailand 2022 ก็พร้อมเต็ม ที่กับภารกิจ ขย้ำมงสาม แบกสายสะพายไทยแลนด์ไปเฉิดฉายที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แอนนา เสือ ก็มีแฟชั่นสวย ๆ มาให้แฟนนางงามได้ว้าว กันตลอดทุกวัน ทุกกิจกรรม ทั้งชุดและเครื่องประดับที่ฟิตติ้งมาอย่างดี ยิ่งบวกกับฝีมือการเมคอัพ แบบหน้าผม ขย่มเองของเธอ ต้องปรบมือเลยว่าสวยสะใจสุด ๆ

รวมไทยสร้างชาติ เปิดตัว "บิ๊กตู่" ยิ่งใหญ่ 28 คน จับมือทำงาน แย้มนโยบาย 3 ข้อ

รวมไทยสร้างชาติ เปิดตัว “บิ๊กตู่” ยิ่งใหญ่ในงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” โชว์ความสามารถ นักการเมืองรุ่นใหญ่-รุ่นใหม่ 28 คน ประเดิม จับมือทำงาน เพื่อบ้านเมือง บิ๊กตู่ แย้มนโยบาย พรรค 3 ข้อ รื้อถอนสิ่งไม่ดี ลด ปลดเปลื้อง

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ Exhibition Hall 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” เปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าสู่สนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรคที่เดินทางมาจากทั่วประเทศร่วมแสดงความยินดีพลุกพล่าน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

เปิดตัวบิ๊กตู่

ก่อนการเริ่มงาน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในฐานะสมาชิกอาวุโสของพรรค

ได้ขึ้นเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “เสวนาประสาไตรรงค์” โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมการเสวนาจำนวนมาก โดยนายไตรรงค์กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยกำลังมีปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถูกธุรกิจสีเทา ธุรกิจเกี่ยวกับยาเสพติด เข้ามาทำให้ประเทศชาติตกต่ำ โดยไม่คิดถึงคุณธรรมแล้วก็ศาสนา

สิ่งพวกนี้จะต้องรีบแก้ไข รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองขึ้น มาสักพรรคหนึ่งไม่ใช่เพียงแค่ ตั้งขึ้นมาแต่จะต้องมีอุดมการณ์ แล้วก็แนวทางที่ชัดเจน ว่าจะให้ประเทศเดินไปทางไหน ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ มุ่งมั่นอย่างชัดเจน หนักแน่นว่าจะปกป้องรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พร้อมรักษาประเทศไทย ให้ดำรงความเป็นชาติไทยที่มีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เทียบเท่ากับประเทศอื่น ๆ

นายไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญในตอนนี้ที่จะต้องให้ความสำคัญแล้วก็พรรค รวมไทยสร้างชาติ เล็งเห็นคือประเด็นที่หนึ่ง ได้แก่ เรื่องของการเข้ามา ของประเทศมหาอำนาจ บางประเทศที่เข้าล้างสมองเยาวชน ให้เกลียดเกลียดประเทศ เผ่าพันธุ์ ประวัติศาสตร์ รวมทั้งศาสนาของประเทศด้วย เป็นปัญหาสำคัญ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญและก็ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ประเด็นต่อ มาคือเรื่องของความเสื่อมทางศีลธรรม การคอร์รัปชัน โกงกินของระบบข้าราชการไทย

ที่ทำให้เกิดธุรกิจสีเทาเพราะเหตุว่า มีข้าราชการและนักการเมืองไม่ดีให้การสนับสนุน ตนอยู่ในการเมืองมา 40 ปี ทราบเรื่องนี้ดี เพราะฉะนั้นก็เลยมีความคิดเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องล้มล้างให้หมด ส่วนประเด็นสุดท้ายคือ การรักษาประเทศไทย ให้อยู่ในระบอบการปกครองประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตลอดกาล เพราะประเทศ ที่ไม่มีระบบกษัตริย์ เป็นศูนย์รวมก็จะมีผลให้เกิดความแตกแยกเนื่องจากว่ามีการแย่งชิง ตำแหน่งประมุข ของประเทศด้วยวิธีการต่าง ๆ ทำให้ประเทศย่ำแย่เสมือนประเทศอื่นที่เห็นกันมามากมาย

ในตอนท้ายของการเสวนา นายไตรรงค์ได้ยกพระบรมราโชวาท ของในหลวง รัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับการส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และก็ควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความลำบากยุ่งวายได้ โดยขอให้ประชาชน ได้เลือกคนดีเข้ามาเป็นผู้แทน เพื่อปกครองบ้านเมือง ตามพระบรมราโชวาท พร้อมระบุว่า ตนอยู่พรรคไหนก็จริงใจ กับพรรคนั้น ไม่ใช่คนเหยียบเรือสองแคม ไม่ใช่ปากอย่างใจอย่าง และมาพรรค รวมไทยสร้างชาติทั้งครอบครัว แล้วก็ยังจัดเตรียมให้ลูกสาว ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนด้วย ขณะเดียวกันยืนยันว่าจะส่งเสริมให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เนื่องจากมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี

รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ

ต่อมาเวลา 17.30 น. เป็นการเริ่มพิธีการบนเวที โดยวีดีโอแนะนำความเป็นมาของพรรค รวมไทยสร้างชาติ

ก่อนที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐตอน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะขึ้นเวทีเปิดตัว ผู้แทนทีมสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ 2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ “คนรุ่นใหญ่” รวมทั้ง “คนรุ่นใหม่” โดยมีตัวแทนสมาชิกพรรค ทั้งสองกลุ่มขึ้นเวทีประกาศเจตนารมณ์ และก็ความตั้งใจในการร่วมมือกันสร้างการเมืองที่ดี ที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดเคยทำมาก่อน โดยจะเน้นการทำงานเพื่อประชาชน และประเทศชาติ ผ่านแนวความคิดประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ รวดเร็วทันใจ และก็ทันสมัย ผสมผสานกับการ ทำงานของนักการเมืองรุ่นใหญ่ ที่มีประสบการณ์สูงเพื่อเกิดการทำงานที่มีคุณภาพ มุ่งเป้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน รวมทั้งบ้านเมืองอย่างแท้จริง

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้เห็นมีคนมาประชุมงาน การเมืองมากเท่าวันนี้มาก่อน ในวันนี้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2566 เตรียมลงคะแนนเพื่อจะมาเป็นพรรคหลักของประเทศต่อไป ครั้งแรกเพียงแค่จัดเตรียมแผนเพื่อตั้งคณะกรรมการสรรหา แต่ปรากฏว่ามีบุคคลสำคัญที่ประเทศไทยทั้งยังประเทศจับตาว่าจะมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ ครั้งแรกจะจัดแจงที่ ม.กรุงเทพธนบุรี แต่ไม่ยอมรับคนที่ต้องการจะมาไม่ได้

เพราะว่าทุกคนต้องการจะมาร่วมให้กำลังใจ เมื่อต่อต้านความต้องการ ไม่ได้ก็เลยต้องย้ายพื้นที่ แต่ก็ไม่พอเพราะว่าปรากฏว่ามีคนล้นพื้นที่ออกไป สำหรับสมาชิกของพรรคที่ยืนอยู่บนเวที ไม่ได้มีเพียงนี้แต่ยังมีมากกว่านี้ ตนเคยบอกไว้ตั้งแต่วันเปิดพรรคเมื่อ 3 เดือนสิงหาคมว่าจะนำพาพรรคเป็นพรรคหลักของประเทศ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้จากสมาชิก 7,000 กว่าคน จนถึงตอนนี้มี 30,000 กว่าคนแล้ว

บิ๊กตู่

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่ากล่าว ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่มีสี ไม่มีฝ่าย

พรรครวมไทยสร้างชาติจะก่อให้คนไทยกลับมามีความรักสามัคคีดังเดิม อีกทั้งพี่น้อง นปช. ชาติพันธุ์ กลุ่มเสื้อแดง ทุกคนรักชาติบ้านเมือง ไม่มีใครอยากจะทะเลาะกันอีกแล้ว วันนี้ประเทศไทยจะต้องเดินหน้า พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำแบบนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากคนทั้งประเทศ แต่ก่อนตนประกาศว่าจะเป็นคนนำพาพรรคต่อสู้การลงคะแนนเสียง แต่วันนี้มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นผู้นำ ซึ่งที่ผ่านมาท่านไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมืองแต่วันนี้สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการนำ ความรักความสามัคคีกลับมาให้กับประเทศไทย

ต่อมาเวลา 18.00 น. นับว่าเป็นช่วงไฮไลต์สำคัญ คือการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างเป็นทางการ โดยมีการเปิดภาพวีดีโอการลงนามเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินขึ้นเวทีท่ามกลางเสียงตบมือต้อนรับของสมาชิกพรรค ที่มาร่วมงานและก็โบกธงโลโก้พรรค ให้กำลังใจเต็มห้องประชุม ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวถึง Mission แล้วก็ทิศทางต่อไปเพื่อคนไทยอีกทั้งชาติ ว่า รู้สึกขอบคุณ ทุกคนเป็นคนไทยหัวใจเดียวกัน วันนี้ได้มาเป็นวันแรก ครั้งแรกในชีวิตที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และพรรคที่เลือกสมัครคือพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนอยู่กับคนไทยมาหลายปีแล้วทุกคนจะจำได้

อย่างไรก็ลบภาพทหารของตนเองไม่ได้ ที่ผ่านมาก็ปรับตัวมาตลอด ที่ตนมีวันนี้ได้เนื่องจากคนไทยทุกคน ด้วยเหตุว่าประเทศไทยคือประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้รู้สึกดีใจ ซาบซึ้งใจ รวมทั้งตื่นเต้น อีกทั้งที่ไม่เคยกลัว หรือตื่นเต้นกับอะไรมาก่อน เนื่องจากว่าเป็นทหารกลัวไม่ได้ กลัวความรักที่ทุกคนให้มาจะเพียงพอกันหรือไม่ ตนรักทุกคน สิ่งสำคัญคือต้องตั้งมั่นในชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ สำคัญที่สุด ตนเป็นทหาร ปฏิญาณตนมาคือ การสัตย์ซื่อ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้อยากจะมาบอกว่าทำไมตนต้องอยู่ต่อ ที่ต้องอยู่ต่อด้วยเหตุว่ามีหัวใจดวงเดียวกัน ต้องทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ตนเป็นทหาร และก็ทหารทุกคน ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส หลายคนสงสัยว่าต้องการเป็นใหญ่ต่อหรือ ซึ่งขอบอกว่าไม่ใช่ ที่ผ่านมามีอำนาจมาเยอะแยะแล้วตลอดชีวิตราชการ

แต่อำนาจต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ แล้วก็ความยุติธรรม ตนไม่ได้ต้องการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หรืออยากได้ผลประโยชน์อะไร และยืนยันว่าไม่เคยรับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น และที่มายืนนี้เนื่องจากเคารพในกระบวนการ ประชาธิปไตยของประเทศ ที่มาไม่ได้อยาก มาอยู่เพื่อตำแหน่งอะไรต่อ แต่ประเทศไทยต้องไปต่อบนพื้นฐานความมีเสถียรภาพ ความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้า ที่ผ่านมาแก้ปัญหาประเทศมาอย่างสม่ำเสมอ แต่ปัญหามีมาก ถ้าเกิดมีโอกาสก็อยากจะแก้ต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพราะว่า การพัฒนาประเทศมี หลายมิติที่ตนก็ได้พยายามทำมาตลอด รวมทั้งการที่ได้มาร่วมมือกับพรรคนี้ หวังว่าจะสามารถทำได้เร็วขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลก ต้องทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งก่อน เนื่องจากว่ามีทุกอย่างอยู่แล้ว อย่าให้ใครมาทำลายความรักความสามัคคี คนไทยเป็นคนรักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ยังมีงานที่ตนต้องทำต่อก็เลยจำเป็นต้องมายืนตรงนี้กับผู้บริหารพรรคทุกคน

ที่มาจากทุกภาค เพราะว่าทั้งหมดคือประเทศไทยของทุกคน
ตนต้องการทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงให้ได้ ที่ผ่านมาโควิดเป็นปัญหาของทั้งโลกแต่พวกเรา สามารถยืนหยัดอยู่ได้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือ ของความเป็นคนไทยของทุกคน ที่แม้ว่าวันนี้หลายอย่างจะดียิ่งขึ้นแล้ว แต่ต้องอย่าประมาทวันหน้าอาจจะมีเกิดขึ้นอีกได้ ต้องเตรียมตัว อาจจะมีผลให้อึดอัด แต่ต้องพร้อม ต้องการเดินหน้าแม้กระทั่งได้

บิ๊กตู่ แย้มนโยบาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ากล่าว ที่ตนตัดสินใจมาอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ

เพราะมีความคิดเห็นว่ามีอุดมการณ์เช่นกัน คือรักสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์แบบเดียวกัน ที่ผ่านมานอนไม่หลับมาหลายคืน ว่าจะทำอะไรต่อไปอย่างไรดี ก็ต้องเลือกแต่วันนี้เสมือนละครบุพเพสันนิวาส ตนก็คิดไม่ออกว่ามาลงเอย ที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้อย่างไรแต่ คำว่า “รวมไทยสร้างชาติ” เป็นคำที่ตนเคยบอกไว้เอง

ซึ่งตนเชื่อมั่นในตัวของนายพีระพันธุ์ ตนเชื่อถือเนื่องจากเป็นนักกฎหมายมาก่อน และก็ทำงานการเมืองมาหลายปี และทำงานกับตนมาและก็เป็นที่ปรึกษาของตน ตนรู้จักมานานว่า เป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ และก็นักการเมืองอีกทั้งคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ที่จะร่วมกันทำงาน เป็นการทำงานด้วยกันของคนทุกรุ่นเพื่อประเทศไทยของทุกคน

“นโยบายหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ รื้อ ไม่ใช่รื้อถอนทุกอย่าง ต้องดูว่าระเบียบ กฎหมายอะไรที่ต้องแก้ไขบ้าง ที่เขาเรียกว่ากฎหมายกิโยติน บางอย่างไม่ดีก็ต้องเลิก เพื่อให้ทันสมัย เป็นสากลนั่นคือการรื้อ สองคือลดภาระหน้าที่ต่าง ๆ ของประชาชนในการดำรงชีวิต สามคือปลดเปลื้องภาระหน้าที่ค่าครองชีพแล้วก็หนี้สินด้วยรูปแบบใหม่ ๆ สร้างสังคมใหม่ของชาติเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยวิธีการที่เป็นกลางที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาในอนาคตด้วย โดยไม่ทิ้งภาระไว้ให้คนข้างหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ดังนี้ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำผู้บริหารพรรคทั้งหมดร้องเพลง ศรัทธา ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และก็นายพีระพันธุ์จะด้วยกันโบกธงไตรรงค์ และก็ธงสัญลักษณ์พรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมปักลงบนเวที จากนั้นจึงได้นำผู้บริหาร และสมาชิกทุกคนร่วมกันชูมือ แล้วก็มีการเคลื่อนธงรวมไทยสร้างชาติขนาดใหญ่ผ่านสมาชิกพรรคสู่บริเวณหน้าเวที ในตอนท้ายทั้งหมดได้ถ่ายภาพและก็ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ด้วยกันอย่างกึกก้องห้องประชุม

นับเป็นการเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และก็ยังถือเป็นการเริ่มการเดินหน้าของพรรครวมไทยสร้างชาติในการจัดเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้อีกด้วย

ดังนี้รายชื่อ สมาชิกพรรค รวมไทยสร้างชาติ ที่ขึ้นมาเปิดตัวภายในงาน ประกอบด้วย

รุ่นใหญ่

ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
นายชัชวาลล์ คงอุดม
นายชุมพล กาญจนะ
นพ.ปรีชา มุสิกุล
นายวิทยา แก้วภราดัย
นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร
นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน
นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์
นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ
พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา
นายสามารถ มะลูลีม
นายเสกสกล อัตถาวงศ์
นายโกวิทย์ ธารณา
นายเกรียงยศ สุดลาภา
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล

รุ่นใหม่

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รศ.(พิเศษ) ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง
นายชื่นชอบ คงอุดม
นายสยาม บางกุลธรรม
นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์
นางสาวศิรินันท์ ศิริพานิช
นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย
นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์
ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์
นายวินท์ สุธีรชัย
นายอภิชา นิธิอนันตภร
นางสาวณัฐวรินธร บวรภัค

Theme: Elation by Kaira.
Cape Town, South Africa